New Normal หรือ ชีวิตวิถีใหม่ ได้กลายเป็นคำที่เราได้ยินกันอยู่บ่อยครั้งในช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่รูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คน สังคม และเศรษฐกิจต้องปรับเปลี่ยนไป ในช่วงที่โควิด19 ยังคงแพร่ระบาดอยู่ โดยพฤติกรรม New Normal ของผู้คนในสังคมทั่วโลกจะเปลี่ยนไป มีดังต่อไปนี้
- ผู้คนจะใส่ใจสุขภาพ และดูแลสุขอนามัยของตัวกันมากขึ้น เช่นการล้างมือให้สะอาด ไปจนถึงการเลือกรับประทานอาหารที่ช่วยป้องกันโรค
- หน้ากากอนามัย และเจลล้างมือจะกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตของคนในสังคม หลังสถานที่ ห้างร้านต่างมีข้อบังคับให้ใส่กากอนามัย เช่นเดียวกับบริการรถประจำทางและเครื่องบิน ที่ออกกฎให้ผู้โดยสารต้องใส่หน้ากากอนามัย
- การวัดอุณหภูมิก่อนเข้าสถานที่ต่างๆ เพื่อเป็นการตรวจเช็คว่ามีไข้หรือไม่
- การเว้นระยะห่างทางสังคม ทั้งการเว้นระยะห่างขณะต่อแถวซื้อของ การเว้นที่นั่งบนรถโดยสาร หรือการเข้าลิฟท์ ที่จำกัดจำนวนคน และทุกคนจะต้องหันหน้าออกจากกัน ขณะที่ตามร้านอาหารนอกจากจะต้องเว้นระยะห่างแล้ว ยังต้องมีกระจกกั้นระหว่างกันด้วย
- การทำงานจากบ้าน หรือ work from home ซึ่งจะเป็นเทร็นด์ใหม่ในยุคที่คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต ที่ช่วยให้เราทำงานได้จากทุกที่ โดยแนวคิดเรื่องการทำงานจากบ้านก็ยังทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Google และ Facebook ขยายเวลาให้พนักงานสามารถทำงานจากบ้านได้จนถึงปีหน้า ขณะที่ Twitter ก็อนุญาตให้พนักงานสามารถทำงานจากที่บ้านได้อย่างถาวร ตามความสมัครใจของพนักงาน แม้ว่าโควิด19 จะยุติการแพร่ระบาดแล้วก็ตาม
- ส่วนเด็กนักเรียนก็จะต้องหันมาเรียนออนไลน์กันมากขึ้น ได้เจอคุณครูแบบตัวต่อตัวน้อยลง ขณะที่ในบางประเทศ ที่เปิดให้เด็กๆไปโรงเรียนแล้วก็จะต้องมีชั่วโมงเรียนลดลงด้วย
- ขณะที่รูปแบบการจับจ่ายซื้อของก็จะเน้นการสแกนจ่ายเงิน ซึ่งจะช่วยลดการสัมผัสเงินและเหรียญ
- ส่วนในฝั่งยุโรปและตะวันตกรูปแบบวัฒนธรรมการทักทายก็จะเปลี่ยนไป จากที่เคยจับมือ เอาแก้มชนแก้ม หรือจูบทักทายก็จะไม่สามารถทำได้อีก ซึ่งการทักทายก็ต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสร่างกายเพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อโควิด19
- การแสดงคอนเสิร์ตต่างๆ หรืองานเทศกาลต่างๆ ที่มีผู้คนมารวมตัวกันมากๆก็จะอาจไม่มีไปอีกนาน ส่วนที่โรงภาพยนตร์จะต้องมีการจำกัดจำนวนผู้ชมในโรง และเว้นที่นั่ง ขณะที่บริการสตรีมมิ่ง ออนไลน์ให้ความบันเทิงต่างๆ อย่าง Netflix หรือ Disney+ ก็มีแนวโน้มที่จะเติมโตมากขึ้นด้วย โดยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ Netflix มียอดสมัครสมาชิกเพิ่มขึ้นถึง 16 ล้านคน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หลายประเทศทั่วโลกเริ่มใช้มาตรการล็อคดาวน์ ที่ทำให้ผู้คนใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น โดยบริการสตรีมมิ่งเหล่านี้ก็ถือเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการชมภาพยนตร์และลดความเสี่ยงกับการเจอผู้คนจำนวนมาก
