เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2563 นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส. พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า
“เป็นเรื่องที่น่าตกใจ และการศึกษาไทย ต้องใส่ใจอย่างจริงจัง จากกรณีที่มีกระแสข่าวโรงเรียนแห่งหนึ่งออกเอกสารส่งไปยังโรงเรียนในเครือ มีรายละเอียดตอนหนึ่งหนึ่งระบุว่า “โรงเรียนมีความเป็นห่วงเรื่องอภิบาลการแสดงออกทางเพศของนักเรียน โดยเฉพาะโรงเรียนที่มีชั้นมัธยม เมื่อนักเรียนอยู่ในช่วงวัยรุ่นจะมีการแสดงออกทางเพศที่ปกติและไม่ปกติ ถ้าไม่ปกติครูต้องสอนครูต้องสอนนักเรียนให้รู้”
จากเอกสารดังกล่าวการที่สถาบันการศึกษามีหลักคิดเช่นนี้ถือเป็นสิ่งที่เลวร้าย เป็นการปลูกฝังการให้คุณค่ามนุษย์ด้วยการเหยียดความแตกต่างกดทับความหลากหลาย ไม่ใช่การมองคุณค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความเป็นมนุษย์ ไม่ว่าเขาผู้นั้นจะแสดงออกทางเพศในแบบใดในวัยและช่วงเวลาใด หากสถาบันการศึกษายังไม่สามารถมอง เรื่องความแตกต่างหลากหลายได้ด้วยความเป็นความปกติ และยังคงถ่ายทอดคุณค่าความเชื่อด้วยกรอบการมองเรื่องเพศในแบบเดิม การพัฒนาศักยภาพของมนุษย์ไปตามสิ่งที่เด็กต้องการแสดงออกอย่างมั่นใจย่อมกลายเป็นถูกจำกัด เด็กจะไม่สามารถเติบได้เต็มที่อย่างที่ในชีวิตที่เขาเลือกที่จะเป็นหรือเลือกที่จะฝัน
การศึกษาไทยที่ยังอธิบายความหลากหลายหลายทางเพศด้วยฐานคิดว่า การแสดงออกเช่นนี้เรียกว่าไม่ปกตินั้นเป็นสิ่งที่ล้าหลัง สร้างปัญหาให้กับสังคมไทยและผู้มีความหลากหลายทางเพศให้ถูกเลือกปฏิบัติถูกจำกัดสิทธิเพียงเพราะถูกมองว่า ไม่ปกติ แปลกประหลาด ในประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีความเข้าใจเรื่องความหลากหลายทางเพศทั้งในโรงเรียน มีการสื่อสารผ่านสื่อสาธารณะเพื่อสร้างความเข้าใจอันดีให้กับคนทุกเพศอยู่รวมกัน คำว่า เบี่ยงเบน คือ การแบ่งแยกที่ส่งผลต่อความคิดของคนในสังคมไม่ใช่แค่เรื่องเพศ แต่รวมถึงเรื่องการเมืองที่สร้างสำนึกให้มองคนที่เห็นต่างกลายเป็นคนที่ทำสิ่งไม่ถูกต้อง และยิ่งจะทำให้คนสังคมจะหันมามองกันด้วยความเข้าใจเป็นเรื่องยาก เพราะมีอคติเรื่องความแปลกแยกเป็นฐานจากความคิดแบบนี้
ทั้งนี้ ธัญจึงอยากเรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการแก้ปัญหาในประเด็นนี้อย่างจริงจัง เพราะการแสดงออกทางเพศมิใช่อุปสรรคในการเรียนรู้ด้านวิชาการและการดำเนินชีวิต หากประเทศไทยต้องการพัฒนาสังคมอย่างรอบด้าน ต้องเริ่มต้นที่สถาบันการศึกษา สิ่งที่เกิดขึ้นจึงควรเข้ามาปรับปรุงอย่างเร่งด่วน และขอเรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการเพิ่มวิชา ‘คุณค่าเพื่อนมนุษย์’ ที่เคยเสนอไปได้รับการบรรจุในหลักสูตรการศึกษา มีการส่งเสริมทักษะการใช้ชีวิตรวมถึงประเด็นเรื่องเพศที่ต้องเรียนรู้และรับมือ เมื่ออยู่ในสังคมที่อาจยังไม่เข้าใจเพียงพอ กระทรวงศึกษาธิการจำเป็นต้องพิจารณาเพื่อเปลี่ยนแปลงบทเรียนไปสู่การส่งเสริมคุณค่าความเป็นมนุษย์มากขึ้น”