กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันความพร้อมรับมือโรค โควิด-19 ทั้งทางด้านห้องปฏิบัติการ เครือข่ายการตรวจภาครัฐ และเอกชน 209 แห่งทั่วประเทศ การผลิตน้ำยาตรวจใช้เอง ซึ่งมีเพียงพอกว่า 601,870 การทดสอบ การพัฒนาวิธีการตรวจใหม่ๆ เช่น การตรวจน้ำลาย การร่วมศึกษาวิจัยวัคซีน และการทดสอบประสิทธิภาพสมุนไพรฟ้าทะลายโจร และล่าสุดนักวิจัยได้ถอดรหัสพันธุกรรม เพื่อเฝ้าระวังการกลายพันธุ์ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาวัคซีน และการออกแบบยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า โรคโควิด-19 เป็นโรคใหม่ที่มีการระบาด ทั่วโลกมานานกว่า 7 เดือน โดยประเทศไทยสามารถถอดรหัสพันธุกรรมของเชื้อทั้งตัว และรายงานต่อนานาชาติ หลังประเทศเทศจีนเพียงแค่ 1-2 วัน และในการระบาดระยะแรกมีห้องปฏิบัติการที่สามารถตรวจวินิจฉัยเชื้อได้แค่ 2 แห่งคือที่จุฬาฯ กับกรมวิทย์ฯ จากนั้นได้มีการพัฒนาวิธีการตรวจ และขยายเครือข่ายการตรวจ ซึ่งเป็นการตรวจที่ได้มาตรฐานทั่วโลกยอมรับ คือ การตรวจด้วยวิธี RT-PCR จนได้รับการยอมรับและ ได้ประกาศในเว็บไซต์องค์การอนามัยโลกเป็นประเทศต้นๆ คู่กับสหรัฐฯ ยุโรป จีน ญี่ปุ่น และสามารถขยายเครือข่ายการตรวจทางห้องปฏิบัติการ จนถึงขณะนี้มีห้องปฏิบัติการทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน จำนวน 209 แห่ง โดยจะขยายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย ที่ผ่านมาห้องปฏิบัติการได้ตรวจตัวอย่างไปแล้ว 652,089 ตัวอย่าง หากนำตัวเลขจำนวนการตรวจที่ได้ผลบวกมาหารด้วยจำนวนการตรวจทั้งหมด คิดเป็นค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 0.4% แปลว่า ตรวจตัวอย่าง 1,000 ตัวอย่างพบ 4 คน หรือ 4 ตัวอย่างที่ผลบวก แสดงให้เห็นว่ามีการค้นหาผู้ป่วยจำนวนมาก นอกจากนี้ยังสามารถพัฒนาน้ำยาตรวจ โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ร่วมมือกับบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์จำกัดพัฒนาน้ำยาตรวจ

สำหรับใช้ในประเทศไทยได้เอง ไม่ต้องพึ่งพาต่างประเทศ และไม่เคยประสบปัญหาน้ำยาตรวจไม่เพียงพอ โดยมีน้ำยาสำรองในสต็อกกว่า601,870 การทดสอบ (test) และการตรวจทางห้องปฏิบัติการมีระบบการรายงานแบบออนไลน์ 24 ชั่วโมง ทราบผลได้ภายใน 24ชั่วโมง

นอกจากนั้น ในบทบาทของนักวิจัยก็มีความพร้อมรับมือกับโรคโควิด-19 อาทิ การพัฒนาวิธีการตรวจใหม่ๆ เช่น การใช้น้ำลาย ในการตรวจ และการตรวจน้ำลายรวมตัวอย่าง โดยร่วมกับกรมควบคุมโรคในการตรวจตัวอย่างจำนวน 100,000 ราย ใช้เวลาในการตรวจไม่กี่สัปดาห์ ตรวจได้ครบถ้วน และช่วยประหยัดงบประมาณของประเทศ การวิจัยเรื่องวัคซีน องค์การอนามัยโลกประกาศจำนวนวัคซีน ที่อยู่ในกระบวนการผลิตมี 140 ชนิด ในจำนวนนี้เป็นของประเทศไทย 4 ชนิด ส่วนใหญ่ประเทศที่ทำวัคซีน จะเป็นสหรัฐฯ ยุโรป จีน ญี่ปุ่น ซึ่งต่างประเทศยอมรับในความสามารถของประเทศไทยในการผลิตวัคซีน และผลการทดสอบวัคซีนในสัตว์ทดลองพบว่าภูมิคุ้มกันขึ้นอย่างสูง และดีมาก มีแผนที่จะผลิต และวิจัยในคนประมาณเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป สำหรับต่างประเทศที่มีการพัฒนาวัคซีนไปแล้วเราก็มีความร่วมมือกับประเทศนั้น หากประสบความสำเร็จเราก็เตรียมโรงงานรองรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีมาผลิตวัคซีนให้กับคนไทย การศึกษาวิจัยสมุนไพรไทยภูมิปัญญาพื้นบ้าน โดยร่วมกับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกวิจัยสมุนไพรฟ้าทะลายโจร และได้ทดลองประสิทธิภาพ ฟ้าทะลายโจรในห้องทดลองกับตัวเชื้อจริง เพราะกรมวิทย์ฯ มีคลังเชื้อจริงที่เก็บไว้สำหรับนักวิจัยจำนวนมาก พบว่า ฟ้าทะลายโจรสามารถทำลายเชื้อในเซลล์ปกติได้เป็นครั้งแรกของโลก และได้ส่งข้อมูลให้กรมการแพทย์แผนไทยฯ เพื่อใช้การวิจัยต่อไป สร้างความเชื่อมั่น ให้กับประชาชนว่าประเทศไทย มีศักยภาพและมีความพร้อมรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 ในทุกประเด็น

นายแพทย์โอภาส กล่าวต่ออีกว่า ผลการถอดรหัสพันธุกรรมโควิด-19 ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบว่าเชื้อแบ่งเป็น2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่ม A ร้อยละ 60 และ กลุ่ม B ร้อยละ 40 ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่เดินทางมาจากประเทศจีน อิตาลี และสเปน มีการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อดูตำแหน่งความหลากหลายทางพันธุกรรม (polymorphism) ของสายพันธุ์โควิด-19 และทำการศึกษายีนของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (SARS-CoV-2) จากผู้ติดเชื้อที่พบในประเทศไทย ซึ่งพบว่า ไวรัสกลุ่ม B มีการเปลี่ยนแปลงของยีนบริเวณ spike protein ซึ่งเป็นผิวโปรตีนของ coronavirus ที่จะจับกับตัวรับที่ชื่อว่า ACE2 receptor บนผิวเซลล์ในร่างกายมนุษย์ หรือเป็นบริเวณที่ไวรัส ใช้เป็นเครื่องมือในการแทรกตัวเข้าสู่เซลล์ร่างกายมนุษย์ โดยยีนที่ตำแหน่ง 23,403 เปลี่ยนจากยีน A เป็นยีน G การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ส่งผลให้กรดอะมิโนที่ตำแหน่ง 614 เปลี่ยนจาก aspartate (D) ซึ่งพบส่วนใหญ่ในสายพันธุ์จากประเทศจีน เป็น glycine (G) เรียกว่า การกลายพันธุ์ D614G

“การกลายพันธุ์ D614G นี้พบมากในประเทศแถบยุโรป ซึ่งสอดคล้องกับที่มาของเชื้อไวรัสที่พบการกลายพันธุ์ชนิด D614Gในประเทศไทย เป็นเชื้อที่แยกได้จากผู้ป่วย ซึ่งมีความเกี่ยวโยงกับผู้ติดเชื้อที่มาจากแถบยุโรป เช่น อิตาลี และสเปน นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ป่วย ที่ติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ชนิด D614G มีปริมาณไวรัสเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงกรดอะมิโนเป็น G ที่ตำแหน่ง 614 นี้

ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปร่างและโครงสร้างของ spike protein ทำให้เชื้อไวรัสเข้าสู่เซลล์ร่างกายมนุษย์ได้ง่ายขึ้น ดังนั้นการเฝ้าระวังการกลายพันธุ์ของโควิด-19 โดยเฉพาะบริเวณ spike อย่างต่อเนื่อง มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะช่วยสนับสนุนความเข้าใจกลไกของไวรัส เพื่อการพัฒนาวัคซีน และการออกแบบยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายแพทย์โอภาส กล่าว

ข่าวล่าสุด

ดูทั้งหมด

เหตุการณ์ ‘เครนถล่ม’ ส่อบายปลาย หลังแรงงานต่างด้าว เรียกชดเชย 5 ล้าน

ยังไม่ยอมแพ้! ปม เครนถล่ม แรงงานต่างด้าวโรงหลอมเหล็กกว่า 500 ชีวิต ไม่ยอมให้นำร่างผู้เสียชีวิตออกจากจุดเกิดเหตุ หลังเงินชดเชยไม่ลงตัว

เหตุเครนถล่มวุ่น! คนงานปิดล้อมตร.-จนท. ไม่ให้นำศพออกจากจุดเกิดเหตุ

วุ่นนาน 3 ชม. คนงานไซต์ก่อสร้าง ไม่ยอมให้กู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิตเหตุ เครนถล่ม ออกจากพื้นที่ หวั่นไม่ได้รับเงินชดเชย ตามที่ร้องขอ

ด่วน! เครนยักษ์ ถล่มทับคนงาน เบื้องต้นมีรายงานการเสียชีวิต 6 ราย

ด่วน! เครนยักษ์ ถล่มทับคนงาน ไซด์งานก่อสร้าง ในโรงงานแห่งหนึ่ง ในจ.ระยอง เบื้องต้นมีรายงานการเสียชีวิต 6 ราย

ทัวร์ลงยับ! หนุ่มสงสัย หลังได้ใบสั่ง ‘ไม่จอดรถให้คนข้าม’ ลั่น ข้อหานี้มีด้วยเหรอ?

หนุ่มสงสัย! โพสต์โวยได้ใบสั่ง ‘ไม่จอดรถให้คนข้ามถนน’ แต่คดีพลิก เมื่อชาวเน็ตพาทัวร์ย้อนกลับ ไปสอบใบขับขี่มาจากไหน
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า