มหาวิทยาลัยมหิดล มุ่งวิจัยศึกษาคุณสมบัติทางยาจาก เลือดตัวเงินตัวทอง หวังพิชิตมะเร็ง-โควิด19 และโรคอุบัติใหม่ครั้งแรกของโลก
ปัญหาโรคติดเชื้อนับวันจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในไทยก็เรียกได้ว่ามีการระบาดหนักถึง 3 รอบ และท่ามกลางความพยายามผลิตวัคซีนจากภูมิคุ้มกัน ของมนุษย์เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด19
รองศาสตราจารย์ ดร. นายสัตวแพทย์จิตรกมล ธนศักดิ์ อาจารย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์คลินิกและการสาธารณสุข คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้มีความพยายามที่จะวิจัยศึกษาคุณสมบัติทางยาจากเลือด “ตัวเงินตัวทอง” เพื่อดูฤทธิ์การยับยั้งเซลล์มะเร็ง แบคทีเรีย และไวรัสก่อโรคอุบัติใหม่ รวมทั้ง โรคโควิด19 ซึ่งหากบรรลุผลได้ตามเป้าหมายจะกลายเป็นรายแรกของโลก
จากสมมุติฐานที่ว่า ทำไม “ตัวเงินตัวทอง” ถึงสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้จากการกินซากสิ่งมีชีวิต และแม้ในน้ำเน่าเสีย ที่ผ่านมา รองศาสตราจารย์ ดร. นายสัตวแพทย์จิตรกมล ธนศักดิ์ จึงเกิดความคิดที่จะริเริ่มศึกษาถึงระบบภูมิคุ้มกันร่างกายของสัตว์เลื้อยคลานซึ่งอยู่ในประเภทสัตว์ป่าคุ้มครองดังกล่าว
จึงได้ขออนุญาต กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างเลือดจาก ตัวเงินตัวทอง ที่มีลักษณะสมบูรณ์มาศึกษาทางโปรตีน ในห้องปฏิบัติการ โดยใช้เลือดตัวอย่างเพียงเล็กน้อย ก่อนปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ ซึ่งในเบื้องต้นพบว่ามีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ตลอดจนเชื้อแบคทีเรียบางชนิด รวมถึงอาจต่อยอดเพื่อศึกษาการยับยั้งเชื้อไวรัส ซึ่งรวมถึง โรคโควิด19 ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ได้อีกด้วย
อย่างไรก็ดี แม้ตัวเงินตัวทอง กำลังใกล้สูญพันธุ์จากการถูกล่า จนได้รับการคุ้มครองให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง และล่าสุดกำลังมีการผลักดันให้เกิดพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ที่จะทำให้ ตัวเงินตัวทอง กลายเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่อนุญาตให้เพาะพันธุ์เชิงเศรษฐกิจ
รองศาสตราจารย์ ดร. นายสัตวแพทย์จิตรกมล ธนศักดิ์ ได้แสดงความคิดเห็นว่า หากทำได้จะส่งผลดีต่อการวิจัยเพื่อพัฒนายาจากเลือด ตัวเงินตัวทองต่อไป เนื่องจากจะมีการแบ่งแยกอย่างชัดเจน ระหว่าง ตัวเงินตัวทอง ที่อยู่ในธรรมชาติ และ ตัวเงินตัวทอง ที่อยู่ในระบบฟาร์ม ซึ่งจะมีการดูแลที่ต่างวัตถุประสงค์กัน เพื่อให้สามารถทำวิจัยได้อย่างจริงจังในเรื่องดังกล่าวจนถึงปลายน้ำ หากอนาคตต้องใช้ประโยชน์จาก ตัวเงินตัวทอง การเพาะพันธุ์ในระบบฟาร์มจะตรงตามเป้าหมายและเหมาะสมกว่ามาก
ที่มา : ศาลายานิวส์ | Salaya News