วันที่ (9 ธ.ค.) พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในที่ประชุม ว่า ที่ประชุมได้รับทราบสถานการณ์ และเหตุการณ์การก่อการร้าย ซึ่งยังคงมีเหตุการณ์ความรุนแรงในบางพื้นที่ แต่มีแนวโน้มลดลง ประชาชนได้รับการดูแลความปลอดภัย จากหน่วยงานในพื้นที่ด้านความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการพัฒนาพื้นที่เพื่อรองรับการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจที่กำลังขยายตัว แต่ยังมีความจำเป็นที่จะต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความสงบสุขของประชาชนอย่างยั่งยืนในพื้นที่
“ที่ประชุมได้เห็นชอบให้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาการขยายระยะเวลา การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่ทุกอำเภอในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยกเว้น อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี, อ.เบตง จ.ยะลา และ อ.สุไหงโกลก อ.สุคิริน อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2562 และสิ้นสุดในวันที่ 19 มีนาคม 2563 โดยครั้งนี้เป็นการขยายระยะเวลาเป็นครั้งที่ 58 เพื่อเป็นเครื่องมือที่สำคัญต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ในการป้องกันและระงับยับยั้งเหตุการณ์ได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มมาตรการในการเฝ้าระวังและป้องกันการก่อเหตุในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี” เลขาธิการ สมช. กล่าว
พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นควรเพิ่มประสิทธิภาพ ในงานด้านการสืบสวนสอบสวนคดีความมั่นคง ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ. 2548 อาทิ 1.พัฒนามาตรการด้านการเก็บและรวบรวมพยานหลักฐาน 2.การบูรณาการกลไกต่าง ๆ เช่น งานด้านการข่าว ฐานข้อมูลด้านความมั่นคง อีกด้วย