ศาลแพ่งยกคำร้อง นักข่าวยื่นฟ้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจ จากการได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์ชุมนุม REDEM ชี้ เป็นการขอให้บังคับเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอนาคต
จากกรณีที่ นายศรายุทธ ตั้งประเสริฐ หรือกุ้ย ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวประชาไท ได้ทำการยื่นคำร้องต่อศาลหลังเหตุการณืที่ตนได้รับบาดเจ็บจากการใช้กระสุนยางของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสลายการชุมนุม โดยได้ยื่นฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดตาม พ.ร.บ.รับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539
ซึ่ง นายศรายุทธ ได้ยื่นคำฟ้องแพ่งทั้งหมด 4 ข้อคือ
1.ขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้จำเลยดำเนินการปิดกั้นทางสัญจรหรือสถานที่ต่างๆ ด้วยการใช้ตู้คอนเทนเนอร์ ลวดหีบเพลง หรือวัสดุอื่นใดในสถานที่ที่จะมีการชุมนุมสาธารณะ และบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง
2.ขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามไม่ให้จำเลยปฏิบัติการสลายการชุมนุม ห้ามข่มขู่คุกคามและใช้ความรุนแรงกับสื่อมวลชน ห้ามจำกัดพื้นที่หรือกีดกันสื่อมวลชน
3.ให้จำเลยตั้งกรรมการสอบสวนเจ้าหน้าพนักงานตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย เพื่อลงโทษทางวินัย และห้ามมิให้ตำรวจที่ใช้ความรุนแรงปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชนอีกจนกว่าจะได้รับการปรับปรุงพฤติกรรม
4.ให้จำเลยร่วมกันชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความอย่างสูงแทนโจทก์
โดยมีคำท้ายฟ้องทั้ง 3 ข้อดังนี้
(1) ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งห้ามมิให้จำเลยทั้งสองและเจ้าพนักงานตำรวจในสังกัดของจำเลยที่ 1 ดำเนินการปิดกั้นทางสัญจรหรือสถานที่ต่าง ๆ ด้วยการใช้ตู้คอนเทนเนอร์ลวดหีบเพลงรถยนต์รั้วเหล็กหรือวัสดุเครื่องมืออื่นใดในทำนองเดียวกันในสถานที่ที่จะมีการชุมนุมสาธารณะและบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงทุกครั้งที่มีการชุมนุม
(2) ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งห้ามมิให้จำเลยทั้งสองและเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติการสลายการชุมนุมห้ามใช้แก๊สน้ำตาหรือสารเคมีห้ามฉีดน้ำและใช้กระสุนยางในการควบคุมผู้ชุมนุมห้ามข่มขู่คุกคามและใช้ความรุนแรงกับโจทก์และสื่อมวลชนอื่นห้าม จำกัด พื้นที่หรือกีดกันโจทก์และสื่อมวลชนอื่นออกจากพื้นที่ที่สื่อมวลชนกำลังปฏิบัติหน้าที่ตลอดจนห้าม จำกัด เสรีภาพในการนำเสนอข่าวสารหรือการแสดงความคิดเห็นตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพสื่อมวลชนหรือเสรีภาพในการปฏิบัติหน้าที่สื่อมวลชนตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติรับรองไว้ทุกครั้งที่มีการชุมนุมและ
(3) ให้จำเลยทั้งสองตั้งกรรมการสอบสวนเจ้าพนักงานตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายทั้งระดับผู้บังคับบัญชาที่ทำหน้าที่สั่งการและในระดับปฏิบัติเพื่อลงโทษทางวินัยและห้ามมิให้เจ้าพนักงานตำรวจที่ใช้ความรุนแรงปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชนอีกจนกว่าจะได้รับการปรับปรุงพฤติกรรมเพื่อป้องกันมิให้มีการคุกคามการทำหน้าที่สื่อมวลชนรวมทั้งก่ออันตรายแก่เสรีภาพในการชุมนุมของประชาชน
ภายหลังจากที่ศาลได้พิเคราะห์คำท้ายฟ้องข้อ1เเละ2เห็นว่าแม้โจทก์ฟ้องคดีโดยบรรยายฟ้องถึงเหตุการณ์การชุมนุมสาธารณะที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20มี.ค. 64ก็ตาม แต่คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ทั้งข้อ1,2 กลับเป็นการขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งห้ามจำเลยทั้งสองและเจ้าพนักงานตำรวจในสังกัดของจำเลยที่ 1 กระทำการหรือไม่กระทำการใด ๆ ในเหตุการณ์การชุมนุมสาธารณะที่จะเกิดขึ้นในอนาคตทุกครั้งที่จะมีการชุมนุมซึ่งเป็นคนละเหตุการณ์กับที่โจทก์บรรยายฟ้องถึงการชุมนุมสาธารณะเมื่อวันที่ 20 มี.ค.64
กรณีจึงเป็นการขอให้บังคับเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอนาคตทั้งสิ้นศาลจึงไม่อาจบังคับตามคำขอท้ายฟ้องทั้งสองข้อนี้ได้
ภาพจาก : Asawin Wongwiwat
ข่าวที่น่าสนใจ
ผบ.ทร. ตรวจเยี่ยมฝึกทัพเรือภาค3 พร้อมมอบใบประกาศกำลังพลฮีโร่ ช่วยลูกแมวน้อยกลางทะเล