โควิด19 หมอธีระ รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ โพสต์แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ถึงสถานการณ์จำนวนผู้ป่วย โควิด19 ทั่วโลก วันที่ 22 ตุลาคม 2563 โดยระบุว่า “วันนี้อัพเดตฐานข้อมูลเพื่อคาดการณ์ลักษณะการระบาดระลอกสองของไทย
อิงตามลักษณะการระบาดซ้ำของประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดยตอนนี้รวบรวมเพิ่มจากเดิมเป็น 29 ประเทศที่มีความคล้ายคลึงกันคือ ระบาดซ้ำจะมีจำนวนติดเชื้อสูงสุดต่อวันมากกว่าระลอกแรก และระยะเวลาที่ใช้ในการคุมนานกว่าเดิม
อันดับ 3 โลก! บราซิล ป่วยติดเชื้อ โควิด19 กว่า 5.2 ล้านราย
ในขณะที่มี 5 ประเทศเท่านั้นที่จำนวนติดเชื้อสูงสุดต่อวันน้อยกว่าเดิม แต่ระยะเวลาที่ใช้ในการคุมก็ยังคงนานกว่าเดิม ได้แก่ เกาหลีใต้ นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ ไอร์แลนด์ และเอสโตเนีย อย่างไรก็ตามบางประเทศยังไม่ได้ผ่านพ้นระลอกสอง ยังคงต้องติดตามต่อไป
โดยสรุปแล้ว ข้อมูลจาก 29 ประเทศสอนบทเรียนให้เราทราบว่า จำนวนการติดเชื้อสูงสุดต่อวันในระลอกสองจะมากกว่าเดิม 2.25-4.89 เท่า และระยะเวลาที่ใช้ในการคุมจะนานกว่าเดิมราว 1.5 เท่า ทั้งนี้อีก 5 ประเทศที่ไม่อยู่ในกลุ่มนี้ก็มีลักษณะสอดคล้องกัน
สำหรับไทยเรานั้น ตอนนี้หน่วยงานแบไต๋มาแล้วว่า กำลังตัดสินใจยอมรับการเปลี่ยนแปลงไปเป็นแดนดงโรค (endemic area) ด้วยคำประกาศวันก่อนว่า”โควิดเป็นโรคประจำถิ่น” แถมบอกสำทับด้วยประโยคว่า”การติดเชื้อเป็นเรื่องปกติ”
หากพูดตามตรงคงต้องบอกว่า การตัดสินใจดังกล่าวนั้นไม่ถูกต้อง และไม่ยุติธรรมต่อประชาชนทุกคนในประเทศ และสุดท้ายแล้วถ้าเกิดระบาดซ้ำขึ้นมา กลุ่มคนที่ตัดสินใจผลักดันมาในแนวทางนี้ จำเป็นต้องแสดงความรับผิดชอบครับ
ป่วยเพิ่มกว่า 3 พันราย! ฟิลิปปินส์ ป่วย โควิด19 ทะลุ 3.5 แสน
ยอดป่วย โควิด19 ในโตเกียว เกินครึ่งของยอดผู้ป่วยใหม่ทั่วญี่ปุ่น
ถึงแม้ว่าเราพอจะเดาไว้ล่วงหน้าได้ว่าคงจะทวงหาความรับผิดชอบได้ยากยิ่งนัก เป็นไปในแบบเดียวกับเหตุการณ์ต่างๆ ในอดีตที่เราพบเห็นมา อย่างน้อย ผลกระทบต่อชีวิตคนหมู่มากนั้นย่อมติดเป็นตราบาป แล้วไปเช็คบิลกันตอนถึงวาระแห่งชีวิต
ดังนั้น ในเมื่อพึ่งใครไม่ได้ ประชาชนคงต้องพึ่งตนเอง และคงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยหากลองคาดประมาณเรื่องการระบาดซ้ำว่าจะมีมากน้อยเพียงใด ถ้าการระบาดนั้นเป็นไปในลักษณะเดียวกับประเทศอื่นๆ ที่เคยเจอมาก่อน
ผลการคาดประมาณ พบว่าอาจมีการติดเชื้อได้ถึง 7,446-25,282 คน และใช้เวลาในการจัดการกับการระบาดประมาณ 81-83 วัน โดยจำนวนคนติดเชื้อสูงสุดต่อวันอาจอยู่ราว 423-920 คน
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวแล้วผมยังเชื่อว่า เราแต่ละคนสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาการระบาดนี้ได้ หากเราทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือตั้งแต่บัดนี้
สิ่งที่เราทำได้คือ การป้องกันตัวเองและครอบครัวอย่างเต็มที่จนกว่าเราจะมียารักษามาตรฐาน และวัคซีนป้องกันโรค ซึ่งกว่าจะได้นั้น คาดว่าอาจมีโอกาสเกิดการระบาดซ้ำก่อน เนื่องจากมีปัจจัยคุกคามทั้งศึกในศึกนอกดังที่เคยได้วิเคราะห์ไปแล้ว
หากคนส่วนใหญ่ป้องกันตัวเองได้ดี อย่างน้อยก็การแพร่เชื้อต่อกันไปในสังคมก็จะช้าลงหรือน้อยลง ลดความรุนแรงของการระบาดซ้ำไปได้ไม่มากก็น้อย
ส่วนตัวแล้ว ผมขอให้ทำเพียงสองเรื่องอย่างเคร่งครัด คือ ใส่หน้ากากเสมอ และคอยสังเกตอาการ หากไม่สบายให้หยุดเรียนหยุดงานและรีบไปตรวจครับ
และนี่อาจจะเป็นเพียงสองเรื่องที่เป็นหัวใจสำคัญจริงๆ ที่ผมคิดว่า พอจะกลายเป็น New Normal ที่เป็นไปได้ในสังคมปัจจุบันและในอนาคต
ขอให้เราสร้างปาฏิหาริย์ให้เกิดขึ้นได้ด้วยกันนะครับ
ด้วยรักต่อทุกคน”