จากกรณีคดีดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 ม.ค.2561 เจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำกำลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร กอ.รมน. ตำรวจ สน.วังทองหลาง และเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง ร่วมกันนำหมายค้นศาลอาญาเลขที่ 5/2561 เข้าตรวจค้น สถานบริการอาบอบนวด ‘วิคตอเรีย ซีเครท’ เลขที่ 555 ซอยศูนย์วิจัย 4 ถนนพระราม 9 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม.
DSI สนธิกำลังหน่วยงานอื่นๆ บุกทลายอาบอบนวด ‘วิคตอเรียซีเครท’
หลังจากถูกร้องเรียนว่า ลักลอบค้าประเวณีเด็กอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี แอบแฝงค้าประเวณี เจ้าหน้าที่ควบคุมหญิงให้บริการ 113 คน โดยพบว่ามีผู้เสียหายเป็นเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี จากประเทศเมียนมา ถูกนำมาส่งประเทศไทย และพามาขายบริการที่ “อาบ อบ นวด วิคตอเรียซีเครท” และพาเด็กหญิงไปขายบริการที่ประเทศมาเลเซีย ด้วยการบังคับให้ค้าประเวณี
โดยศาลชั้นต้นพิพากษา ว่า นายกำพล นางนิภา และนายธนพล วิระเทพสุภรณ์ ไม่มีความผิดฐานค้ามนุษย์และความผิดฐานอื่นๆ ขณะที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า โจทก์ไม่ได้ฟ้องบุคคลทั้ง 3 เข้ามาในคดี การวินิจฉัยถึงบุคคลทั้ง 3 เป็นคำวินิจฉัยที่มิชอบ
ขณะที่โปลิศนิวส์ รายงานว่า นายรณสิทธิ์ พฤกษยาชีวะ ประธานมูลนิธิรณสิทธิ์เพื่อช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์เด็กและสตรี ในฐานะผู้ล่อซื้อบริการเด็กผู้หญิงในวิคตอเรียซีเครท เข้ายื่นหนังสือทวงถามผลการสอบสวน กรณีเครือข่ายร้องเรียนต่อสำนักนายกรัฐมนตรี กรณีอัยการ สั่งไม่ฟ้องคดีอาบอบนวดวิคตอเรียซีเครท ทำให้จำเลย 2 คน คือ นางนิภา และนายธนพล วิระเทพสุภรณ์ ภรรยาและลูกชายนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ หลุดคดีไป
ทั้งนี้ต่อมาสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการสูงสุด ตรวจสอบการใช้ดุลพินิจของอัยการ โดยมีนายเนตร นาคสุข ซึ่งเป็นผู้สั่งไม่ฟ้องในคดีทายาทเครื่องดื่มชูกำลังที่ชนดาบตำรวจเสียชีวิต มาเป็นประธานคณะทำงาน แต่กลับพบว่า นายเนตร ได้สั่งยุติเรื่องการสอบสวนในคดีนี้เช่นเดียวกัน จึงทำให้องค์กรเครือข่ายต้อต้านการค้ามนุษย์ และมูลนิธิรณสิทธิ์ ต้องเข้ามาทวงถามเหตุผล การสั่งยุติการสอบสวนดังกล่าวต่อสำนักงานอัยการสูงสุด เพราะผู้เกี่ยวข้อง ยังไม่เคยเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลเลย จึงต้องการให้ออกมาชี้แจงให้ชัดเจน ว่าเพราะเหตุใดจึงสั่งไม่ฟ้อง
อ่างสะเทือน! ขยายปมฟอกเงิน“วิคตอเรีย”พัวพัน40คน
“ชูวิทย์” เข้าให้ปากคำคดีวิคตอเรียฯ แฉ “ศศิธร” ไม่ใช่เจ้าของจริง
ขณะที่นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยหลังจากรับเรื่องในวันนี้ ว่าจะมีการรับเรื่องร้องเรียนและส่งให้อัยการสูงสุดทราบเรื่องร้องเรียนดังกล่าวในทันที ซึ่งรายละเอียดนั้นคงไม่สามารถให้ข้อมูลได้ ซึ่งจะต้องมีการนำเสนอให้ผู้บริหารดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เครดิตภาพ โปลิศนิวส์