Home » ประชาสัมพันธ์ » แกลลัพ เผยผลสำรวจ “มนุษย์ออฟฟิศอเมริกัน” ฮิตทำงานนอกสถานที่เพิ่มขึ้น
บริษัท แกลลัพ จำกัด ผู้นำด้านการวิจัยตลาดและผู้ให้คำปรึกษาทางธุรกิจระดับโลกที่มีประสบการณ์มากกว่า 80 ปี เปิดเผยผลวิจัยครั้งล่าสุด เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2560 ที่ผ่านมา พบว่า พนักงานชาวอเมริกันทำงานนอกสำนักงานเพิ่มมากขึ้น และยังเป็นระยะเวลานานขึ้นด้วย
ทั้งนี้ ผลสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างวัยทำงานทั้งหมด 15,000 คน เมื่อปี 2559 ชี้ว่า 43 เปอร์เซ็นต์ของพนักงานชาวอเมริกัน บอกว่า พวกเขาทำงานนอกสำนักงานในบางครั้ง ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นถึงอัตราส่วนของพนักงานที่ทำงานนอกสำนักงานเพิ่มขึ้น 4 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับงานวิจัยในปี 2555 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สะท้อนถึงความต้องการของผู้หางาน
“มีรายงานข้อมูลอย่างต่อเนื่องจากแกลลัพ ว่า ตารางเวลาที่มีความยืดหยุ่นและการให้โอกาสทำงานจากที่บ้าน เป็นปัจจัยสำคัญและมีผลต่อการตัดสินใจทำงานหรือลาออกของพนักงาน”
“พนักงานพยายามพลักดันให้บริษัทเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรรูปแบบเก่าที่ใช้กันมาอย่างยาวนานและ นโยบายต่างๆ ที่มีผลต่อวันทำงานหรือตารางเวลาทำงานของพวกเขา”
อย่างไรก็ตาม แกลลัพ ยังเผยผลรายงานบางส่วนอีกว่า พนักงานและหัวหน้างานบางคนเห็นด้วยกับระบบการทำงานที่มีความยืดหยุ่นในลักษณะนี้ โดยให้เหตุผลว่าพนักงานที่ทำงานนอกสถานที่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และการทำงานที่มีความยืดหยุ่นในลักษณะนี้จะช่วยลดช่องว่างความแตกต่างทางเพศอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม พนักงานส่วนที่บอกว่าพวกเขาใช้เวลาเพียงหนึ่งวันหรือน้อยกว่านั้นต่อสัปดาห์ในการทำงานนอกสำนักงาน มีจำนวนน้อยลงมาก จากเดิม 34 เปอร์เซ็นต์ในปี 2555 เหลือเพียง 25 เปอร์เซ็นต์ในปี 2559
ในขณะเดียวกัน พนักงานส่วนที่บอกว่าพวกเขาทำงานนอกสถานที่ สัปดาห์ละสี่ถึงห้าวันมีจำนวนเพิ่มขึ้นในอัตราส่วนที่เกือบจะเท่ากัน โดยเพิ่มจาก 24 เปอร์เซ็นต์ เป็น 31 เปอร์เซ็นต์
ไม่ใช่ทุกอุตสาหกรรมที่จะเปิดรับการทำงานนอกสถานที่
แม้ว่าการทำงานนอกสำนักงานจะมีความแพร่หลาย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า จะถูกนำมาใช้ปฏิบัติได้ในทุกวงการ การทำงานนอกสำนักงานถูกค้นพบว่า น้อยลงจากเดิมในปี 2555 สำหรับชาวอเมริกันที่ทำงานในกลุ่มธุรกิจ อาทิ การบริการชุมชนและสังคม วิทยาศาสตร์ วิศวกรรม สถาปัตยกรรม และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา การฝึกอบรม และ ห้องสมุด
อุตสาหกรรมส่วนใหญ่เปิดรับการทำงานนอกสถานที่
พนักงานส่วนหนึ่งใช้เวลาทำงานนอกสถานที่เป็นบางครั้ง
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจส่วนใหญ่ ยอมรับแนวคิดนี้ และมีธุรกิจประเภทหนึ่งที่แนวคิดนี้ได้เติบโตอย่างรวดเร็วก็ คือ ธุรกิจด้านการเงินและอสังหาริมทรัพย์ โดยพนักงานในธุรกิจประเภทนี้มีสัดส่วนของการทำงานนอกสำนักงานเพิ่มขึ้น 8 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งหมดสูงถึง 47 เปอร์เซ็นต์ ระหว่างปี 2555 ถึง 2559
ด้านธุรกิจขนส่ง คอมพิวเตอร์ ระบบฐานข้อมูล และคณิตศาสตร์ มีสัดส่วนพนักงานเกินครึ่งที่บางครั้งทำงานนอกสำนักงาน แม้แต่ในอุตสาหกรรมที่แนวคิดนี้จะได้รับความนิยม บริษัทก็ต้องเผชิญปัญหาในการจัดสรรเวลาที่เหมาะสมให้กับพนักงานในการทำงานนอกสำนักงาน ที่น่าสนใจคือ ในปี 2556 บริษัทชื่อดังอย่าง Yahoo ได้นำพนักงานกลับเข้ามาทำงานในสำนักงาน และเมื่อเดือนตุลาคม 2559 ที่ผ่านมา Aetna บริษัทประกันภัยยักษ์ใหญ่ที่ขึ้นชื่อเรื่องการสนับสนุนแนวคิดที่ให้พนักงานสามารถทำงานนอกสำนักงานได้ ก็ทำเช่นเดียวกับบริษัท Yahoo
จุดสมดุลของการทำงานนอกสำนักงานที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุด
ผลงานวิจัยในปี 2555 พบว่า พนักงานกลุ่มที่รู้สึกมีส่วนร่วมและมีความมุ่งมั่นที่จะเห็นความสำเร็จขององค์กรสูงที่สุดเป็นกลุ่มที่ใช้เวลาในการทำงานนอกสำนักงานน้อยสุด ในปี 2559 ผลงานวิจัยล่าสุดพบว่าแนวคิดนี้ไม่เป็นความจริงอีกต่อไป
ในปี 2559 รายงานแจ้งว่า พนักงานที่ไม่เคยทำงานนอกสถานที่เลย หรือทำงานนอกสถานที่ตลอดเวลา มีความรู้สึกมีส่วนร่วมและมีความมุ่งมั่นที่จะเห็นความสำเร็จขององค์กรเท่ากัน พนักงานกลุ่มที่ใช้เวลาทำงานนอกสำนักงาน 60 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ต่อสัปดาห์เป็นกลุ่มที่รู้สึกมีส่วนร่วมและมีความมุ่งมั่นที่จะเห็นความสำเร็จขององค์กรสูงที่สุด ทั้งๆ ที่พนักงานกลุ่มที่ได้ทำงานนอกสถานที่เป็นกลุ่มที่ต้องใช้เวลาบางส่วนห่างจากผู้จัดการและเพื่อนร่วมงาน แต่พนักงานกลุ่มนี้กลับเป็นส่วนใหญ่ของพนักงานที่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งว่า คนในที่ทำงานใส่ใจพวกเขาและมีคนที่สนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของพวกเขาและได้พูดคุยกับพวกเขาถึงความเป็นไปในการทำงาน” นอกเหนือจากนี้ พนักงานกลุ่มที่ใช้เวลาสามถึงสี่วันต่อสัปดาห์ในการทำงานนอกสำนักงานเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มสูงที่สุดที่จะรู้สึกว่าพวกเขามีเพื่อนที่ดีที่สุดในองค์กรและมีโอกาสในการเติบโตในสายงานอีกด้วย แกลลัพรายงาน