จากกรณีมีผู้ใช้เฟสบุ๊คโพสต์คลิปว่า นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติใช้โดรนถ่ายคลิปเห็นจระเข้ขนาดใหญ่ลอยอยู่หน้าชายหาดบางเทา ตำบลเชิงทะเล จังหวัดภูเก็ต ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติตื่นตระหนก หวั่นเกิดอันตราย วิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจับกุมโดยด่วน
ภาพมุมสูงจากโดรนของคุณไมค์ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่ไปเดินเล่นแล้วสังเกตเห็นจระเข้ขนาดใหญ่ แหวกว่ายอยู่ในทะเลใกล้ชายหาดบางเทา จังหวัดภูเก็ต ความยาวประมาณ 3 เมตร จึงวิ่งกลับมาบ้านแล้วเรียกลูกชายเอาโดรนไปถ่ายคลิปไว้ โดยผู้ที่เผยแพร่ภาพดังกล่าวระบุว่า “เขาอยากให้ภาพดังกล่าวเพื่อให้มีการนำเสนอ แต่ไม่ต้องการที่จะให้จระเข้ถูกฆ่าตาย หรืออาจจะส่งผลให้มันสูญหายไปจากทะเลอันดามัน อยากให้มีวิธีดำเนินการอย่างปลอดภัยแต่ไม่จำเป็นต้องฆ่า”
สำหรับ จระเข้น้ำเค็ม (Saltwater Crocodile) จากข้อมูลของเว็บไซต์สวนสัตว์โคราช ระบุว่า จระเข้น้ำเค็ม หัวยาวเพรียว ไม่มีเกล็ดท้ายทอย 4 เกล็ดให้เห็น ขาหลังมีพังผืดยึดนิ้วทั้ง 5 ซึ่งเห็นได้ชัดเจน และพังผืดยาวจรดปลายนิ้ว อาศัยอยู่ตั้งแต่ฝั่งทะเลตะวันออกของอินเดีย ถึง ฟิลลิปินส์ และทางเหนือของออสเตรเลีย ทางใต้ของไทยและมาเลเซีย โดยปกติแล้วลูกจระเข้น้ำเค็มกินปลา แมลง ปู กบ ส่วนตัวที่โตเต็มวัยจะกินสัตว์บกที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เช่น หมู รวมทั้งคนก็กินได้ จระเข้น้ำเค็มมีนิสัยดุร้ายมาก กินคนเป็นอาหารได้ อาศัยอยู่ในที่ลุ่ม หนอง บึง และแม่น้ำที่ไม่มีบ้านเรือนตั้งอยู่ ซึ่งกรณีจระเข้ภูเก็ตที่ออกมาว่ายน้ำเล่นแบบนี้ ไม่ใช่ครั้งแรก ในปี56 ก็มีรายงานว่าชาวบ้านเคยเห็นที่หาดไม้ขาว ภูเก็ต จากนั้นเรื่องก็เงียบหายไป
จระเข้พันธุ์น้ำเค็มจะเริ่มไข่ได้เมื่ออายุ 12-15 ปี มีความต้องการสภาพแวดล้อมที่แตกต่างจากจระเข้น้ำจืด ตั้งแต่ต้องการบ่อที่กว้างกว่า ในบางครั้งต้องการน้ำกร่อยหรือน้ำเค็ม ผสมพันธุ์ในฤดูหนาว ผสมพันธุ์ปีละครั้ง ออกไข่ในหลุมดินในช่วงฤดูร้อนหรือต้นฤดูฝน ฟักไข่ในหลุมดินประมาณ 11 สัปดาห์ วางไข่ครั้งละ 60 – 80 ฟอง จระเข้น้ำเค็มมีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาจระเข้ ตัวใหญ่ที่สุดที่เคยพบยาว 7 เมตร ปัจจุบันมีสถานะเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535
ในส่วนความดุร้ายของจระเข้น้ำเค็ม เว็บไซต์วิกิพีเดีย ระบุเพิ่มเติมว่า จระเข้น้ำเค็มมีอุปนิสัยดุร้ายมาก สามารถโจมตีสัตว์ที่โดยปกติไม่ใช่อาหารได้ เช่น มนุษย์ เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบางถิ่นของออสเตรเลียที่ขึ้นชื่ออย่างยิ่งในเรื่องการโจมตีมนุษย์ของจระเข้น้ำเค็ม อีกทั้งมีการกัดของกรามได้อย่างรุนแรงมากที่สุดในโลก โดยมีแรงมากถึง 1,700 ปอนด์ และสามารถกระโดดงับเหยื่อได้ ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ในสัตว์เลื้อยคลายขนาดใหญ่เช่นนี้ จนกระทั่งมีชื่อเรียกในภาษาอังกฤษว่า “Man Eater” (ไอ้กินคน)
ทั้งนี้ จากคำวิพากวิจารณ์ในโลกโซเชียล อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินการจับกุม เพื่อป้องกันไม่ให้จระเข้ตัวดังกล่าว มากัดนักท่องเที่ยวจนกลายเป็นโศกอนาถกรรมภายหลัง