จากเหตุการณ์น่าสลดที่เกิดขึ้นกับเด็กน้อยวัย 3ขวบ เสียชีวิตภายในรถตู้ จากการขาดอากาศหายใจ
เหตุเกิด ณ โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยทางคุณแม่ของเด็กหญิง วัย 3 ขวบ “ด.ญ.ปริมประภา ปัจจัยโย” หรือ “น้องอิ้งค์” ได้ให้ข้อมูลว่า ตนได้ไปรับลูกที่โรงเรียนแต่ก็ต้องตกใจเมื่อทางโรงเรียนบอกว่า น้องไม่ได้มาเรียน ทางผู้ปกครองจึงรีบโทรหา ทางรถรับส่งที่มารักลูกสาวเมื่อเช้า เมื่อเปิดดูภายในรถก็พบกับ ร่างของเด็กหญิงในสภาพเสื้อผ้าเลอะทั้งตัว มีเลือดไหลออกทางจมูกนอนอยู่ที่พื้นด้านหลังเบาะนั่ง จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรี แต่ก็ไม่สามารถช่วยเด็กไว้ได้ทัน
ขอบคุณภาพประกอบ @http://tnews.teenee.com
จนเมื่อวันนี้ 17 เมษายนได้ทราบว่า น้องเอย ได้เสียชีวิตลงแล้ว หลังเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลกรุงเทพมาตั้งแต่วันที่ 3
จากกรณีครูผู้ฝึกสอนของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น ได้ลืม “น้องแยม” เด็กสาววัย 5 ขวบ ไว้ในรถกระบะจนเสียชีวิตภายในรถ
โดยทางครูอ้างว่าได้ขับรถไปรับนักเรียน โดยให้นั่งท้ายกระบะ แต่เนื่องจากครูไม่ชำนาญเส้นทางจึงให้น้องแยม มานั่งข้างหน้าเพื่อคอยบอกเส้นทาง พอถึงโรงเรียนทุกคนก็ลงรถหมด และครูคิดว่าน้องแยม คงจะเปิดประตูลงมาแล้ว จึงไม่ได้สนใจอะไร กระทั่งมารู้อีกทีน้องแยม ก็เสียชีวิตไปแล้ว
อส.หนุ่มใหญ่เปิดแอร์นอนในรถ พบเป็นศพขาดอากาศหายใจตาย
(8 ส.ค.) มีชายอาสานอนเสียชีวิต ภายในรถกระบะ จอดอยู่ข้างถนน บ้านน้อยแสนสุข หมู่ที่ 12 ต.โคกตะเคียน อ.กาบเชิง ภายในที่เกิดเหตุ พบศพชายนิรนาม ทราบชื่อต่อมาภายหลังคือ นายหมู่ใหญ่ สุมิตร สาทิพจันทร์ อายุ 55 ปี สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน(อส.) สังกัดกองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอกาบเชิง
จากการชันสูตรพลิกศพของแพทย์พบว่าผู้ตายขาดอากาศหายใจ เสียชีวิตมากว่าไม่ต่ำกว่า 1 ช.ม. เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า ผู้ตายคงติดเครื่องรถยนต์แล้วเปิดแอร์นอน แต่เครื่องยนต์เกิดดับ ขณะหลับสนิท ทำให้ขาดอากาศหายใจ เป็นเหตุให้เสียชีวิต
” นี่คือสิ่งที่เรายกมาเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกคน จะเรียกเหตุการณ์เหล่านี้ว่าความประมาทหรือความผิดพลาดก็แล้วแต่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันต้องกลายมาเป็นบทเรียนราคาแพง ที่ต้องแรงด้วยชีวิตและน้ำตาของครอบครัว “