อธิบดีกรมทางหลวง ชี้้แจงดราม่าร้อน ศาลาริมทาง งบ 518 ล้านบาท สั่งแก้ไขด่วนแล้ว ทำกันแดด กันฝน เพิ่มเติมเพื่อให้ใช้ประโยชน์เต็มที่
จากกรณีโลกออนไลน์แชร์ภาพ ศาลาริมทาง ไม่สามารถใช้กันแดดกันฝนได้ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ซึ่งมีรายงานข่าวว่าศาลาริมทางใน จ.ศรีสะเกษ ใช้งบประมาณมากถึง 518 ล้านบาท
ล่าสุด 14 มิ.ย. 63 นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า หลังมีการเผยแพร่ข่าวจากสื่อมวลชน ที่อ้างถึงข้อมูลที่มีการแชร์จากผู้ใช้ Social Media เป็นภาพงานก่อสร้างศาลาริมทาง จุดจอดรถโดยสาร (Bus Stop) ทางหลวงหมายเลข 220 ตอน ศรีษะเกษ – อ.วังหิน โดยจากการตรวจสอบข้อมูลจากสำนักก่อสร้างทางที่ 2 ทราบว่า ศาลาริมทางดังกล่าว อยู่ในโครงการก่อสร้างขยายทางเป็น 4 ช่องจราจร ทางหลวงหมายเลข 220 จริง ซึ่งงานก่อสร้าง เริ่มต้นสัญญาตั้งแต่ 12 กุมภาพันธ์ 2562 งานแล้วเสร็จ 12 มิถุนายน 2563 (เสร็จก่อนสัญญา) และได้ส่งมอบพื้นที่ให้แขวงทางหลวงศรีสะเกษที่ 1 ดูแลรักษาต่อไป
ส่วนสาเหตุที่มีการก่อสร้างศาลาริมทางในลักษณะดังกล่าว มีการชี้แจงว่า ถนนสายดังกล่าว แบ่งรูปแบบการก่อสร้างเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงที่มีเขตทาง 30 เมตร และ 40 เมตร โดยช่วงเขตทาง 30 เมตร เมื่อก่อสร้างเป็นทางหลวง 4 ช่องจราจร เกาะกลางแบบยกกว้าง 3.00 เมตร แล้วจะเหลือพื้นที่จากไหล่ทางจนถึงเขตทางหลวงเพียง 4.00 เมตร ซึ่งไม่สามารถก่อสร้างช่องจอดรถ และศาลาทางหลวงแบบเดิมที่มีความกว้างประมาณ 6.25 เมตร ได้ จึงจำเป็นต้องก่อสร้างที่พักผู้โดยสารเป็นรูปแบบตามที่ปรากฏอยู่ โดยมีความกว้างประมาณ 2.50 เมตร เท่านั้น เพื่อให้ไม่เลยออกนอกเขตทาง
ส่วนช่วงเขตทาง 40 เมตร เมื่อขยายถนนเป็น 4 ช่องจราจร เกาะกลางแบบยกกว้าง 4.20 เมตร พร้อมช่องจอดรถโดยสาร เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการจอดรับผู้โดยสารแล้ว จะเหลือพื้นที่ก่อสร้างที่พักผู้โดยสาร กว้างประมาณ 4.40 ม. ซึ่งก็ไม่สามารถก่อสร้างศาลาทางหลวงแบบเดิมที่มีความกว้างประมาณ 6.25 ม. ได้เช่นกัน
“อย่างไรก็ตาม ได้สั่งแก้ไขปรับปรุงแล้ว เพื่อให้ชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ โดยให้มีการทำกันสาดเพิ่มเติมทั้งด้านหน้า ด้านหลัง เพื่อกันแดดกันฝน รวมทั้งการปรับปรุงพื้นที่โดยรอบให้ดูร่มรื่นขึ้น” นายสราวุธกล่าว
ส่วนประเด็นที่มีการแชร์ภาพศาลา จุดรอรถโดยสารของหมู่บ้าน ที่มีการก่อสร้างใหม่นั้น จุดดังกล่าวเดิมมีศาลาที่ใช้งานมานานกว่า 10 ปี แต่ช่วงเดือนพฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา ศาลาหลังเดิมของชาวบ้านโดนลมพายุพัดพังลงมา ชาวบ้านจึงร่วมกันสร้างศาลาขึ้นมาใหม่แทนหลังเดิมที่พังลง