ทำไมขนย้ายทีมหมูป่าขึ้นมาไม่ได้ซักที
คำถามที่อยู่ในใจหลายๆคนที่ติดตามข่าวทีมหมูป่าติดถ้ำหลวง
วันนี้เรามาศึกษากรณีตัวอย่าง เหมืองถล่มที่ชิลี ที่คนงาน 33 คนรอความช่วยเหลือนานกว่า 2 เดือน แล้วคุณจะพอเข้าใจว่า ทำไมการเข้าไปช่วยเหลือทีมหมูป่าต้องรอ
หลังจากที่ทีมดำน้ำได้ไปพบเจอทีมหมูป่าทั้ง 13 คน ถือเป็นข่าวที่สร้างความยินดีให้กับคนไทยทั้งประเทศ ภารกิจต่อไปก็คือการวางแผนนำตัวทีมหมูป่าทั้ง 13 คนออกมาจากถ้ำ ซึ่งก็มีอุปสรรคอยู่มากมายที่ไม่สามารถจะพาตัวน้องๆ ออกมาได้ในทันที
อ่านเพิ่มเติม เปิดอุปสรรค 4 ข้อใหญ่ เพราะอะไร ต้องรอ 4 เดือน ที่จะนำทีมหมูป่าออกมา
ทั้งนี้หากไปดูกรณีศึกษาที่คล้ายๆกัน ย้อนกลับไปในเดือนสิงหาคม ปี 2553 กับเหตุการณ์เหมืองถล่มที่ ชิลี ทำให้มีคนงานติดอยู่ภายใต้เหมืองนานความลึกกว่า 700 เมตร เป็นเวลาถึง 69 วันกว่าจะได้รับการช่วยเหลือออกมาได้ สำหรับสาเหตุที่ต้องใช้เวลารอนานนั้น ก็เพราะการเข้าไปช่วยเหลือนั้น ต้องวางแผนเป็นอย่างดี การขุดเจาะใดๆในพื้นที่เหมือง มีความสุ่มเสี่ยงที่เหมืองจะถล่มลงมาอีก และทำให้ผู้ที่รอดชีวิตข้างใต้ ได้รับอันตราย โดยมีรายงานว่ามีคนงานติดอยู่ภายใต้เหมือง 33 คน ที่รอความช่วยเหลือ และถึงแม้ว่าจะต้องติดอยู่ภายใต้เหมืองตลอดระยะเวลากว่า 2 เดือน แต่โชคดีที่ข้างใต้เหมืองนั้นมีอาหารและน้ำเพียงพอที่จะประทังชีวิตทุกคน รวมถึงยังมีการส่งเสบียงอาหาร และ ยา ลงไปเพิ่มเติมด้วย เพื่อให้แน่ใจว่า ทั้ง 33 ชีวิตสามารถจะอยู่ได้จนถึงวันที่เริ่มต้นปฏิบัติการลำเลียงคนออกมาจากเหมือง
จากเหตุการณ์เหมืองถล่มในเดือนสิงหาคม ถัดจากนั้นอีก 2 เดือน การช่วยเหลือคนงานรายแรกประสบความสำเร็จในวันที่ 13 ตุลาคม โดยคนงานถูกลำเลียงขึ้นมาด้านบนผ่านแคปซูลที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 54 เซนติเมตร การช่วยเหลือคนงานทั้งหมด ใช้เวลาไป 22 ชั่วโมง 50 นาที ถือเป็นภารกิจกู้ชีพที่ทั่วโลกเฝ้าติดตามดู และส่งกำลังใจไปให้
หากว่าเปรียบเทียบกับภารกิจ นำทีมหมูป่ากลับบ้านแล้ว อุปสรรค ข้อจำกัดในการทำงานนั้น มีความยากที่แตกต่างกัน จึงต้องอาศัยการวางแผนที่รัดกุม รอบคอบ และเหนือสิ่งอื่นใดคือ ความปลอดภัยของชีวิตทุกชีวิต ความเสี่ยงใดๆที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างการเคลื่อนย้าย ควรจะต้องได้รับการประเมินความคุ้มค่า ก่อนที่จะลงมือ
ผู้เชี่ยวชาญด้านการดำน้ำที่ต่างประเทศให้ความเห็นเอาไว้ว่า วิธีการฝึกให้ทีมหมูป่าดำน้ำ แล้วดำน้ำออกมาพร้อมกับหน่วยซีลและทีมดำน้ำ เป็นวิธีที่เสี่ยงมาก และอยากจะให้เป็นวิธีท้ายๆที่เลือกใช้ เพราะมีความเสี่ยงที่เด็กจะเกิดอาการแพนิกระหว่างทาง เพราะเส้นทางออกมาจากถ้ำนั้นยาวหลายกิโลเมตร การดำน้ำในสภาพพื้นที่แบบนี้ ง่ายต่อการทำให้ผู้ดำน้ำรู้สึกหวาดกลัวและตกใจ
ดังนั้นหากมองเรื่องของความปลอดภัยเป็นที่ตั้งแล้ว ทางเลือกที่ดูจะเป็นไปได้คือ การให้ทีมหมูป่า รออยู่ภายในถ้ำหลวงจนกว่าน้ำจะแห้ง ซึ่งคาดการณ์ว่าจะใช้เวลานานถึงเกือบ 4 เดือน แต่วิธีนี้ก็ยังคงมีความเสี่ยง ถ้าหากว่ามีฝนตกหนัก ทำให้ระดับน้ำในจุดที่ทีมหมูป่าอยู่นั้นสูงขึ้น จนไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ หรือ ในกรณีที่เด็กๆในจำนวนทั้ง 13 คน เกิดมีอาการป่วยรุนแรงขึ้นมา และต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างทันที เพราะระยะเวลาหลายเดือนที่รออยู่ในถ้ำ เด็กๆอาจจะไม่สบายได้
วิธีอื่นๆเช่น การขุดเจาะจากด้านบนลงไป ก็มีความเสี่ยง ถ้าหากไม่ศึกษาและวางแผนอย่างดี ก็อาจจะทำให้ถ้ำถล่มลงมาได้อีก
ทั้งหมดนี้ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน ก็ล้วนแล้วแต่มีความเสี่ยงทั้งสิ้น และเชื่อว่าทีมทำงานกู้ภัยในครั้งนี้ได้ศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน ก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติการเคลื่อนย้ายทีมหมูป่าออกมา ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน จะต้องรอนานเท่าไร เชื่อว่าผู้อ่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ คงจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมต้องรอ