ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดไม่เปลี่ยนแปลง หลังโอเปกจ่อลดกำลังผลิต 1.4 ล้านบาร์เรล/วัน จับตากำลังผลิตน้ำมันของสหรัฐพุ่งสูงสุดในรอบ 3 ปี ด้านราคาน้ำมันดิบดูไบเพิ่มขึ้น 1.6%
เมื่อคืนวันศุกร์ (16 พ.ย.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ปิดตลาดราคาไม่เปลี่ยน แม้ว่าทางกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เตรียมปรับลดกำลังการผลิตในปีหน้าลง 1.4 ล้านบาร์เรล/วัน เพื่อรักษาสมดุลให้กับตลาดน้ำมันดิบ ในการประชุมวันที่ 6 ธ.ค.นี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ปิดที่ 56.46 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ไม่เปลี่ยนแปลง และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ปิดที่ 66.76 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.14 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 0.2%
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบดูไบ ปิดที่ 66.36 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.07 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 1.6%
ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 19 พ.ย. ว่า ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปกจะตัดสินใจปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบในปีหน้าลง 1.4 ล้านบาร์เรล/วัน ในการประชุมวันที่ 6 ธ.ค.นี้ เพื่อรักษาสมดุลให้กับตลาดน้ำมันดิบ
อย่างไรก็ตาม รัสเซียยังไม่มีทีท่าว่าจะเห็นด้วยในเรื่องของการปรับลดกำลังการผลิตแต่อย่างใด พร้อมทั้งระบุว่าราคาน้ำมันดิบที่ราว 70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เป็นระดับที่เหมาะสมกับรัสเซีย
ในขณะที่ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐ เพิ่มเป็นระดับ 11.7 ล้านบาร์เรล/วัน แตะระดับสูงสุดในประวัติการณ์ และมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี โดยจำนวนแท่นขุดเจาะอยู่ที่ 888 แท่น
นอกจากนี้ อิรักกลับมาส่งออกน้ำมันดิบจากแหล่งผลิต Kirkuk อีกครั้ง หลังการส่งออกน้ำมันจากแหล่งดังกล่าวถูกระงับไปเป็นเวลา 1 ปี ส่งผลให้ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น 50,000-100,000 บาร์เรล/วัน แต่น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 300,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดที่เคยส่งออกจากแหล่งผลิตข้างต้น
บมจ.ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI จะเคลื่อนไหวในกรอบ 54-58 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะเคลื่อนไหวในกรอบ 64-68 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
สำหรับปัจจัยที่น่าจับตามอง ได้แก่ อุปทานน้ำมันดิบโลกที่คาดว่าจะลดลงหลังผู้ผลิตกลุ่มโอเปกและรัสเซียจะหารือถึงการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบในปีหน้าลง 1.4 ล้านบาร์เรล/วัน ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มถูกกดดันจากการเติบโตของอุปสงค์น้ำมันดิบโลกที่ลดลง
และปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) คาดการณ์ว่า ปริมาณน้ำมันดิบจากแหล่งน้ำมันดิบ 7 แหล่ง ในประเทศสหรัฐ จะปรับเพิ่มขึ้น 113,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 7.94 ล้านบาร์เรล/วัน ในเดือน ธ.ค.2561