นักธุรกิจหนุ่มสูญเงินกว่า 8 ล้านเดินหน้าร้องสคบ.หลังธนาคาร “สีฟ้า” บ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบ พร้อมให้ศาลเป็นผู้พิจารณาข้อเท็จจริง
เมื่อวันที่ 22 ม.ค. นายเอกวิชช์ เกษเจริญ นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างวัย 39 ปี เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมของพนักงานธนาคารกรุงไทย สาขาสวรรค์วิธี และสาขาปากน้ำโพ จ.นครสวรรค์ ที่จงใจทำผิดระเบียบ วิธีปฏิบัติของธนาคารฯเกี่ยวกับการเบิก-ถอนเงิน ทำให้นายเอกวิชช์ ต้องสูญเงินกว่า 8 ล้านบาท เนื่องจากถูกปลอมลายมือชื่อในใบมอบฉันทะที่ใช้ประกอบถอนเงินจากบัญชีธนาคารกรุงไทย
นายเอกวิชช์ ระบุว่า ก่อนหน้านี้ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้ตรวจสอบหลักฐานและข้อเท็จจริงต่างๆ โดยเฉพาะลายเซ็นในใบมอบฉันทะดังกล่าว และลงความเห็นว่าไม่ใช่ลายเซ็นของตนเอง อีกทั้งพฤติกรรมของพนักงานธนาคารแห่งนี้ บ่งชี้ว่าอาจมีส่วนรู้เห็นร่วมกันเป็นขบวนการนี้ด้วย ซึ่งที่ผ่านมาตนพยายามเรียกร้องให้ธนาคารที่เกิดเหตุรับผิดชอบ แต่ถูกบ่ายเบี่ยงตลอดมา จึงต้องร้องเรียนให้สคบ.ตรวจสอบตามขั้นตอน
รายงานข่าวระบุว่า นายเอกวิชช์ ได้มาร้องเรียนที่ธนาคารกรุงไทย อาคารสำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 16 ม.ค.2562 ว่า ถูกปลอมลายมือชื่อในเอกสารประกอบการถอนเงินจำนวน 8 ล้านบาท โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ก.ย.2551 ทั้งนี้ ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา นายเอกวิชช์ เรียกร้องให้ธนาคารกรุงไทยรับผิดชอบกรณีดังกล่าว และมีการฟ้องร้องคดีในศาล ล่าสุดคดีดังกล่าวอยู่ในชั้นการพิจารณาของศาลฎีกา
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ ธนาคารกรุงไทย ชี้แจงว่า ธนาคารขอเรียนว่า กรณีดังกล่าวลูกค้าได้ยื่นฟ้องธนาคารในคดีความแพ่งต่อศาลชั้นต้น ซึ่งศาลชั้นต้นได้พิจารณาและมีคำพิพากษายกฟ้อง เมื่อวันที่ 25 ก.ค.2560 ต่อมาลูกค้าได้ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาและมีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2561 โดยขณะนี้นายเอกวิชช์ เกษเจริญ ได้ยื่นฎีกา และอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา
ทั้งนี้ เมื่อศาลมีคำพิพากษาเป็นเช่นใด ธนาคารน้อมรับปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เนื่องจากศาลได้วินิจฉัยตามพยานเอกสารและหลักฐานต่างๆ รวมทั้งพยานบุคคลที่คู่ความทั้ง 2 ฝ่ายนำสืบพยานแสดงต่อศาล ซึ่งทุกฝ่ายไม่ควรล่วงละเมิดคำตัดสินของศาล