เมื่อช่วงตี 3 ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุยิงกันกลางตลาดสดพลาซ่า ถนนรัถการ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ มีผู้ถูกยิงเสียชีวิต 1 คน คือ นายธง แซ่แต้ อายุ 38 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืน .38 เข้าราว
นมซ้าย 1 นัด และมีผู้บาดเจ็บอีก 5 ราย หน่วยกู้ภัยนำตัวส่งโรงพยาบาลหาดใหญ่
หลังจากที่ตำรวจสภ.หาดใหญ่ ทั้งพนักงานสอบสวนและชุดสืบสวนของสภ.หาดใหญ่ ลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุและสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเบื้องต้นทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นผู้ชายวัยกลางคน และมีเรื่องกับผู้ตายและเพื่อน แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าสาเหตุใด
ล่าสุดผู้ก่อเหตุได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่แล้ว ชื่อ นายไพริญ นาดเกลี้ยง อายุ 39 ปี เป็นชาว อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พร้อมกับอาวุธปืน 9 มม.ที่ใช้ก่อเหตุ และยอมรับสารภาพ ว่าก่อนเกิดเหตุได้มีกลุ่มของผู้ตายที่ขับรถยนต์กระบะมาชนกับรถจักรยานยนต์สามล้อพ่วงข้างในตลาด และลงมามีเรื่องทะเลาะกับเจ้าของรถ น้าชายของตนซึ่งขายของอยู่ใกล้ๆได้เข้าไปห้าม และถูกแทงเข้าที่คอบาดเจ็บ รวมทั้งเพื่อนอีกคนที่เป็น อบต.เข้าไปช่วยห้ามก็ถูกฟันที่มือด้วยถูกส่งโรงพยาบาลหาดใหญ่แต่บาดเจ็บไม่มาก
โดยแม่ของตน ซึ่งขายของอยู่แถวนั้นได้โทรศัพท์มาบอกให้มาช่วยมาดู ก็พบกับกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้ง5 คนเป็นชาย 4คนหญิง 1 คน ยืนอยู่ในที่เกิดเหตุ แต่ผู้ตายกับเพื่อนพยายามจะเข้ามาทำร้ายตนโดยถือมีดสปาต้าเข้ามาด้วย ตนจึงชักอาวุธปืน 9 มม.ยิงขึ้นฟ้า แต่ผู้ตายก็ไม่ยอมหยุดยังเดินถือมีดเข้ามาหาจึงตัดสินใจยิงใส่ผู้ตาย และกลุ่มเพื่อนทันทีเพื่อป้องกันตัวโดยยิงไป 5-6นัด
ทั้งนี้จากการาอบสวนกลุ่มผู้ตาย และคนยิงไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน และจากสอบถามวัยรุ่นหญิงคนหนึ่งซึ่งทำงานเป็นพนักงานเสริมอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านเขต 8 ถนนราษฎร์อุทิศ ในอ.หาดใหญ่ เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เรื่องนี้เริ่มจาก ผู้ตาย ได้มาติดพันเพื่อนของตนที่เป็นเด็กเสริฟอยู่ที่ร้านและเป็นกิ๊กกัน เนื่องจากเพื่อนบอกว่าไม่มีแฟน ทำให้ผู้ตายมักจะมานั่งดื่มกินที่ร้านเป็นประจำ และให้ทิปหนัก
หลังจากร้านปิดช่วงตี 2 แฟนของเพื่อนก็มารับที่ร้าน แต่ผู้ตายเห็นพอดีจึงไม่พอใจขับรถตามมา หน้าร้านสะดวกซื้อ จึงเกิดการชกต่อยกัน แต่เพื่อนแฟนสู้ไม่ได้จึงวิ่งหนีไปทางตลาดสด และถูกกลุ่มผู้ตายขับรถกระบะตามไป กระทั้งไปมีเรื่องกับคนในตลาดและเกิดทะเลาะวิวาทจนเกิดการยิงกันขึ้นตามมา
หลังเกิดเหตุ ทางพ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร พร้อมด้วย พ.ต.ท.สมเกียรติ คำสุวรรณ สารวัตรสอบสวนสภ.หาดใหญ่ ได้ทำการสอบปากคำ นายไพริญ อีกครั้งรวมทั้งผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดเพื่อสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและแจ้งข้อหาดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุซึ่งจะมีความผิดข้อหาใดนั้นต้องรอผลการสอบสวนอีกครั้ง