ราคาน้ำมันดิบพุ่งยกแผง ขานรับ “สหรัฐ-จีน” นั่งโต๊ะเจรจายุติสงครามการค้า

ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นยกแผง WTI ปิด 52.95 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 3.97% ขานรับข่าวผู้นำสหรัฐ-จีน เดินหน้าเจรจาหาข้อยุติสงครามการค้า ขณะที่ “รัสเซีย” จับมือกลุ่มโอเปกลดกำลังการผลิตน้ำมัน

เมื่อคืนวันจันทร์ (3 ธ.ค.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ปิดพุ่งขึ้นเกือบ 4% ตอบรับข่าวนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน เห็นพ้องกันให้เลื่อนเวลาที่สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีสินค้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ออกไปอีก 90 วัน จากกำหนดเดิม 1 ม.ค.2562 เพื่อเปิดทางให้ทั้งสองฝ่ายได้เดินหน้าเจรจายุติข้อพิพาทการค้าระหว่างกัน

สัญญาน้ำมันดิบยังได้ปัจจัยหนุนหลังนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ระบุว่า รัสเซียและซาอุดีอาระเบียตกลงที่จะขยายข้อตกลงระหว่างกลุ่มโอเปกและประเทศนอกกลุ่มโอเปก หรือที่เรียกว่า “โอเปกพลัส” ต่อไปในปี 2562 โดยมีเป้าหมายที่จะร่วมมือกันในการรักษาเสถียรภาพตลาดน้ำมัน

ในขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาการประชุมกลุ่มโอเปกในวันที่ 6 ธ.ค.นี้ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าโอเปกอาจลดกำลังการผลิตน้ำมันในปีหน้าลง 1.0-1.4 ล้านบาร์เรล/วัน

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค. ปิดที่ 52.95 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.02 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 3.97% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดที่ 2.23 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 3.75% ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบ ปิดที่ 61.06 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.19 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 3.72%

ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 4 ธ.ค. ว่า ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจีนและสหรัฐ ทำการตกลงในการประชุมผู้นำด้านเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศสำคัญ (G20) เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าจะไม่เพิ่มภาษีสินค้านำเข้าเป็นเวลาอย่างน้อย 90 วัน เพื่อให้สองประเทศเจรจาหาข้อสรุปของสงครามการค้าร่วมกัน

ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุน หลังแคนาดาประกาศจะให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบลดกำลังการผลิตลง 8.7% หรือเท่ากับ 3.25 แสนบาร์เรล/วัน เพื่อแก้ปัญหาท่อขนส่งน้ำมันดิบไม่เพียงพอ ส่งผลให้น้ำมันดิบคงคลังในประเทศอยู่ในระดับสูง

ขณะเดียวกัน กำลังการผลิตน้ำมันดิบของรัสเซียในเดือน พ.ย.2561 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 11.37 ล้านบาร์เรล/วัน หลังแตะระดับ 11.41 ล้านบาร์เรล/วัน ในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลังสหภาพโซเวียตล่มสลาย

นอกจากนี้ กาตาร์ประกาศถอนตัวออกจากกลุ่มโอเปก มีผลตั้งแต่เดือน ม.ค.2562 โดยกาตาร์เป็นผู้ส่งออกแก๊สธรรมชาติอันดับหนึ่งของโลก และมีกำลังการผลิตน้ำมันดิบราว 6 แสนบาร์เรล/วัน

อย่างไรก็ตาม อิหร่านมีความเห็นว่า การถอนตัวของกาตาร์ออกจากกลุ่มโอเปกครั้งนี้ เป็นเพียงการแสดงความไม่พอใจของผู้ผลิตรายย่อยต่อผู้ผลิตรายใหญ่อย่างซาอุดิอาระเบียและรัสเซีย  และการลดกำลังการผลิตควรมาจากประเทศที่เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบ

บมจ.ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI จะเคลื่อนไหวในกรอบ 49-54 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 58-63 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

สำหรับปัจจัยที่น่าจับตามอง ได้แก่ การประชุมระหว่างผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกในวันที่ 6 ธ.ค.นี้ ว่าจะมีการปรับลดกำลังการผลิตหรือไม่ ,ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านในเดือน พ.ย.2561 มีแนวโน้มปรับลดลง และปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ที่คาดจะลดลงเป็นสัปดาห์แรกในรอบ 2 เดือน

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า