ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่ง 3.3% ปิดที่ 53.80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขานรับโอเปกลดกำลังผลิตน้ำมัน 751,000 บาร์เรล/วันในเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ขณะที่สงครามการค้าสหรัฐ-จีนมีสัญญาณคลี่คลาย หลังจีนเสนอนำเข้าสินค้าสหรัฐ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ตั้งเป้าขาดดุลดเหลือ 0 ในปี 2567
เมื่อวันศุกร์ (18 ม.ค.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก งวดส่งมอบเดือนก.พ. ปิดที่ 53.80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.73 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 3.3% ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือนมี.ค. ปิดที่ 62.70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.52 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 2.5%
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังมีรายงานว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลง 751,000 บาร์เรล/วันในเดือนธ.ค.2561 สู่ระดับ 31.6 ล้านบาร์เรล/วัน ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด
สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุน หลังมีสัญญาณที่ดีว่าความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังจะได้รับการคลี่คลายในเร็ววันนี้ โดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า จีนได้เสนอแผนเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐ โดยจีนเสนอที่จะเพิ่มการนำเข้าสินค้าสหรัฐเป็นเวลา 6 ปี รวมมูลค่ามากกว่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้ จีนเสนอที่จะเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเพื่อลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐที่มีต่อจีนให้เหลือศูนย์ภายในปี 2567 จากที่ขาดดุลการค้าต่อจีนจำนวน 3.23 แสนล้านเหรียญสหรัฐในปีที่แล้ว
ขณะเดียวกัน Baker Hughes เผยจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันรายสัปดาห์ในสหรัฐว่า ลดลง 21 แท่น มาอยู่ที่ 852 แท่นในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2559 บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของกิจกรรมการผลิตน้ำมันในอนาคต และข้อมูลดังกล่าวมีส่วนสนับสนุนให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น
ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 21 ม.ค. ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ และ WTI ปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 3% หลังผู้ผลิตกลุ่มโอเปกเปิดเผยโควต้าการปรับลดกำลังการผลิตรายประเทศ เพื่อเป็นแนวทางในการปรับลดกำลังการผลิตอีก 6 เดือน ไปจนถึงเดือน มิ.ย.2562 ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด
ขณะที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนมีแนวโน้มคลี่คลายลง หลังจีนเสนอที่จะเพิ่มการนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ เป็นเวลา 6 ปี รวมมูลค่ามากกว่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐที่มีต่อจีนจาก 3.23 แสนล้านเหรียญสหรัฐในปีก่อนหน้าให้เหลือศูนย์ภายในปี 2567
Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์ ณ วันที่ 18 ม.ค. 62 ได้ปรับลดลงมากที่สุดในรอบเกือบ 3 ปีที่ 21 แท่น มาอยู่ที่ 852 แท่น เนื่องจากผู้ผลิตในสหรัฐชะลอการขุดเจาะน้ำมันดิบลง หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง 25% ในปีก่อนหน้า
สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่า ความต้องการใช้น้ำมันโลกปี 2562 จะยังคงเติบโตที่ 1.4 ล้านบาร์เรล/วัน ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า เนื่องจากคาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันจะได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงในช่วงก่อนหน้า
บมจ.ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าราคานํ้ามันดิบ WTI จะเคลื่อนไหวในกรอบ 50-55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคานํ้ามันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 60-65 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล