ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่ง 2.6% ปิดที่ 49.78 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลังการเจรจายุติสงครามการค้า “สหรัฐ-จีน” มีแนวโน้มดีขึ้น พร้อมได้รับแรงหนุนกลุ่มโอเปกและพันธมิตรลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน
เมื่อคืนวันอังคาร (8 ม.ค.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ปิดเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 7 โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ปิดที่ 49.78 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.26 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 2.6% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 58.72 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.39 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 2.4%
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตข้อความว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังดำเนินไปด้วยดี ขณะที่นายวิลเบอร์ รอสส์ รมว.พาณิชย์สหรัฐ ระบุว่า คาดว่าสหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้า ซึ่งเป็นข้อตกลงที่จะแก้ไขความขัดแย้งทุกอย่าง
สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า การผลิตน้ำมันของโอเปกลดลง 460,000 บาร์เรล/วันในเดือนธ.ค. สู่ระดับ 32.68 ล้านบาร์เรล/วัน
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลในวันนี้
โดยนักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอลแพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง 1.4 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 4 ม.ค. และคาดว่าสต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 4.2 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 4.3 ล้านบาร์เรล
ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 9 ม.ค. ว่า ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังนักลงทุนคาดอุปสงค์น้ำมันดิบจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนประสบความสำเร็จ โดยล่าสุดการเจรจามีความคืบหน้าไปในทิศทางบวกต่อราคาน้ำมัน
ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงหนุนจากผู้ผลิตทั้งในและนอกโอเปกที่ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบในปี 2562 ลง 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงกังวลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ซึ่งอาจส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันปรับตัวลดลงด้วย โดยล่าสุดการผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมันในเดือนพ.ย. 61 ปรับลดลง 1.9% ซึ่งเป็นการปรับลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน
ขณะที่ S&P Global ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบของปี 2562 ลง 10 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลังนักวิเคราะห์มองว่าราคาน้ำมันดิบจะถูกกดดันจากอุปทานที่ลดลง สวนทางกับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์เฉลี่ยอยู่ที่ 55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เฉลี่ยอยู่ที่ 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
บมจ.ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI จะเคลื่อนไหวในกรอบ 45-50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 55-60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
สำหรับปัจจัยที่น่าจับตามอง ได้แก่ เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มขยายตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ และอาจส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันโตชะลอตัวลง หลังตัวเลขเศรษฐกิจของจีนและยูโรโซนอ่อนแอลง
และปริมาณน้ำมันดิบส่งออกของซาอุดิอาระเบียมีแนวโน้มปรับตัวลดลง หลังประเทศรายงานปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของซาอุดิอาระเบียยืนอยู่ที่ 7.253 ล้านบาร์เรล/วัน ในเดือนธ.ค.2561 ซึ่งปรับตัวลดลงจากในเดือนพ.ย. ที่ส่งออกอยู่ที่ 7.717 ล้านบาร์เรล/วัน