ราคาน้ำมันดิบ WTI ทำนิวโลว์หลุดแตะ 49.65 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ก่อนปิดลบเล็กน้อย หลังตลาดกังวลน้ำมันดิบล้นตลาด จับตาประชุมโอเปก 6 ธ.ค.นี้ ลดกำลังการผลิตปีหน้า 1-1.4 ล้านบาร์เรล/วัน
เมื่อคืนวันศุกร์ (30 พ.ย.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ปรับตัวลดลง เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากความวิตกว่า ปริมาณน้ำมันในตลาดจะพุ่งขึ้นมากกว่าอุปสงค์ ส่งผลให้ราคาน้ำมันระหว่างวันลดลงแตะระดับต่ำสุดที่ 49.65 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ก่อนจะพยุงตัวปิดที่ 50.93 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากการคาดการณ์ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะปรับลดกำลังการผลิต 1.0-1.4 ล้านบาร์เรล/วัน ในการประชุมกลุ่มโอเปกในวันที่ 6 ธ.ค.นี้
ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายน้ำมันของประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ โดยนายอเล็กซานเดอร์ โนวัก รมว.พลังงานของรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียคาดว่าจะคงผลผลิตน้ำมันในปี 2562 ไว้ที่ระดับเดียวกับผลผลิตในปีนี้
อย่างไรก็ดี นายโนวักไม่ได้ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่รัสเซียอาจปรับการผลิตในอนาคต ซึ่งนั่นก็ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตน้ำมันกลุ่มโอเปกและนอกกลุ่มโอเปกว่าจะบรรลุข้อตกลงกันได้ว่าอย่างไร
Baker Hughes ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ รายงานว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้น 2 แท่น สู่ระดับ 887 แท่นในสัปดาห์นี้ ขณะที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า การผลิตที่แหล่งน้ำมันของสหรัฐลดลงสู่ระดับ 344 ล้านบาร์เรลในเดือนก.ย. จากเกือบ 352 ล้านบาร์เรลในเดือนส.ค.
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ปิดที่ 50.93 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 0.52 เหรียญสหรัฐ หรือลกลง 1% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ปิดที่ 58.71 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 0.80 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 1.3%
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบดูไบ ปิดที่ 58.87 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 0.79 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 1.3%
ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 3 ธ.ค. ว่า น้ำมันดิบปรับตัวลดลง จากความกังวลต่อปริมาณน้ำมันดิบล้นตลาด
หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานกำลังการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐในเดือน ก.ย.2561 ปรับเพิ่มขึ้น 129,000 บาร์เรล/วัน มาอยู่ที่ระดับ 11.5 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของสหรัฐ รวมถึงปริมาณความต้องการน้ำมันดิบที่ลดลง ส่งผลให้มีน้ำมันดิบล้นตลาดมากยิ่งขึ้น
ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังว่า สหรัฐและจีนจะสามารถตกลงเรื่องสงครามทางการค้าได้ในการประชุม G20 ในครั้งนี้ ซึ่งนักลงทุนคาดว่าจะสามารถเพิ่มปริมาณการค้าขายในตลาดได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงก่อนตลาดปิด หลังคณะกรรมการกลุ่มประเทศโอเปกได้ออกมาแนะนำว่า กลุ่มประเทศสมาชิกโอเปกควรลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลง 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวันจากระดับการผลิตของเดือน ต.ค.2561
ขณะที่ Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐประจำสัปดาห์ ณ วันที่ 30 พ.ย. 61 ปรับเพิ่มขึ้น 2 แท่น มาอยู่ที่ระดับ 887 แท่น ซึ่งถือว่าเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือน ต.ค.2560 ก็ตาม
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 48-53 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 57-62 เหรียญสหรัฐ/ บาร์เรล
สำหรับปัจจัยที่น่าจับตามอง ได้แก่ ความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกว่าจะมีการปรับลดกำลังการผลิตหรือไม่ ,ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านในเดือนพ.ย.2561 ที่คาดว่าจะปรับตัวลดลง และปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มปรับลดลง หลังโรงกลั่นส่วนใหญ่ในสหรัฐกลับมาจากการปิดซ่อมบำรุง