สตช.แจ้งกรมการขนส่งทางบก ขอให้เลื่อนเวลาใช้ “ใบขับขี่ดิจิทัล” ออกไปก่อน หวั่นเกิดปัญหาในทางปฏิบัติ เหตุอยู่ระหว่างแก้ไขกฎหมายรองรับ ขณะที่อธิบดีกรมการขนส่งทางบกเตรียมหารือสตช.หารือแนวทางยึดใบขับขี่ฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 ม.ค.) เป็นวันแรกที่กรมการขนส่งทางบก เปิดใช้ใบขับขี่อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Driving Licence) หรือที่เรียกว่าใบขับขี่ดิจิทัล อย่างเป็นทางการ สำหรับผู้ขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์
ทั้งนี้ ผู้ขับขี่สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น “DLT QR LICENCE” ลงในโทรศัพท์สมาร์ทโฟน และเมื่อเข้าสู่ขั้นตอนการลงทะเบียน ผู้ขับขี่ต้องกรอกข้อมูลเลขบัตรประจำตัวประชาชน และอีเมล์ จากนั้นจะมีการส่งรหัส OTP ให้ผู้ขับขี่ผ่านอีเมล์ที่ระบุไว้ เมื่อกรอกรหัส OTP จะเข้าสู่ขั้นตอนสแกน QR Code หลังใบขับขี่ตัวจริงเพื่อเชื่อมต่อข้อมูล และเข้าสู่แสดงใบขับขี่เสมือนจริง แต่หากใบขับขี่ไม่มี QR Code ให้ผู้ขับขี่ติดต่อกรมการขนส่งฯและสำนักงานขนส่งได้ทุกพื้นที่
สำหรับใบขับขี่เล็กทรอนิกส์ดังกล่าว ทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องพกใบขับขี่ตัวจริง หรือหากลืมพกใบขับขี่ตัวจริง แล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจใบขับขี่ ก็สามารถเปิดแอพ “DLT QR LICENCE” เพื่อแสดงใบขับขี่เสมือนจริงทั้งด้านหน้าและด้านหลังให้เจ้าหน้าที่ตรวจได้ทันที นอกจากนี้ แอพฯดังกล่าวยังมีระบบแจ้งเตือนให้ต่ออายุใบขับขี่ล่วงหน้า เป็นต้น
ล่าสุด พล.ต.ต.เอกลักษณ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บัญชาการศึกษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในฐานะคณะทำงานแก้ไขกฎหมาย สตช. ออกมาระบุว่า การเริ่มใช้ใบขับขี่อิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค.นั้น ในทางปฏิบัติ หากผู้ขับขี่ทำผิดกฎหมายจราจร ผู้ขับขี่จะต้องแสดงใบขับขี่ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากพบว่าทำผิดจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจมีอำนาจยึดใบขับขี่ และออกใบสั่งให้ผู้ขับขี่ต้องไปชำระค่าปรับตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างแก้ไข พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ซึ่งกำหนดให้ยกเลิกการเรียกเก็บใบขับขี่ เพื่อรองรับการใช้ใบขับขี่อิเล็กทรอนิกส์ โดยการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวจะเสนอให้ที่ประชุมสภานิติบัญญัติ (สนช.) พิจารณาในวันที่ 17 ม.ค.นี้ ดังนั้น ในระหว่างนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังมีอำนาจในการยึดใบขับขี่อยู่ และหากผุ็ขับขี่ไม่มีใบขับขี่ตัวจริง ก็จะมีความผิดฐานไม่พกใบขับขี่ได้
พล.ต.ต.เอกลักษณ์ ระบุว่า สตช.ได้แจ้งไปยังอธิบดีกรมการขนส่งทางบก โดยขอให้เลื่อนการใช้ใบขับขี่อิเล็กทรอนิกส์ออกไป เพื่อรอให้การแก้ไขพ.ร.บ.จราจรทางบก เสร็จเรียบร้อยก่อน แต่หากกรมการขนส่งทางบกยังยืนยันที่จะให้ใช้ใบขับขี่อิเล็กทรอนิกส์ต่อไป โดยอาศัยอำนาจตามพ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ.2522 ซึ่งสามารถทำได้ แต่เชื่อว่าจะมีปัญหาในทางปฏิบัติแน่นอน เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายเหมือนกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 17 ม.ค.นี้ จะมีการเสนอร่างพ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่…)พ.ศ….ให้ที่ประชุม สนช.พิจารณาในวาระแรก โดยร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว ไม่มีบทบัญญัติใดที่เกี่ยวข้องกับใบขับขี่อิเล็กทรอนิกส์โดยตรง โดยในมาตรา 3 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 34 (32) แห่งพ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ระบุเพียงว่า “ใบอนุญาตขับขี่” หมายความว่า ใบอนุญาตขับขี่ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ และใบอนุญาตเป็นผู้ขับขี่รถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่ง
อย่างไรก็ตาม มาตรา 8 ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 31/1 แห่งพ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ได้ระบุว่า “ในขณะขับรถในทางเดินรถ ผู้ขับขี่ต้องมีต้องมีใบอนุญาตขับขี่อยู่กับตัว และต้องแสดงต่อเจ้าพนักงานจราจรเมื่อขอตรวจ”
ด้านนายพีระพล ถาวรสุภเจริญ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ใบขับขี่ดิจิทัลที่เริ่มใช้ในวันนี้ (15 ม.ค.) จะเปิดให้ผู้ขับขี่ที่มีใบขับขี่แบบที่มี QR Code ใช้ได้เท่านั้น โดยให้ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นได้ฟรี ทั้งผู้ใช้มือถือระบบ IOS และระบบ Android จากนั้นจะเข้าสู่การลงทะเบียน ซึ่งที่ผ่านมากรมการขนส่งทางบกได้ออกประกาศเรื่องการรับรองใบขับขี่อิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวไปแล้ว โดยให้ถือเป็นใบขับขี่ตามพ.ร.บ.อิเล็กทรอนิกส์ และให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 ม.ค.เช่นกัน
“ใบขับขี่อิเล็กทรอนิกส์ จะมีการเชื่อมโยงข้อมูลของกรมการขนส่งทางบกกับสตช. โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจยังมีอำนาจในการออกใบสั่งด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ และสามารถทำการยึดใบขับขี่ได้คล้ายๆกับบัตรเครดิต ส่วนรายละเอียดนั้น กรมจะต้องหารือกับสตช.ต่อไป”นายพีระพลกล่าว