ผู้บัญชาการทหารสูงสุดสั่งหน่วยข่าวประสานทางการลาวตรวจสอบ “โก๋ตี๋” ยังอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ เหตุอยู่ในข่ายต้องสงสัยพัวพันเหตุระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า
พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เปิดเผยว่า หน่วยข่าวอยู่ระหว่างการประสานกับทางการลาว เพื่อให้ช่วยตรวจสอบว่า นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ หนึ่งในสมาชิกกลุ่มฮาร์ดคอร์ยังอยู่ในประเทศลาวหรือไม่ ซึ่งเท่าที่ทราบได้รับความร่วมมือจากทางการลาวพอสมควร ทั้งนี้คนเหล่านี้สามารถเดินทางเคลื่อนย้ายได้ตลอดเวลา ส่วนโกตี๋ จะมีศักยภาพเพียงพอใจการก่อเหตุครั้งนี้หรือไม่นั้น ถือเป็นข้อสันนิษฐานอยู่ในระหว่างการสอบสวน ต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ในการทำงาน ซึ่งยืนยันผู้ที่อยู่ในข่ายต้องสงสัยต้องถูกตรวจสอบทุกคน
ส่วนความคืบหน้าในการคลี่คลายคดี ล่าสุดตำรวจได้สเก็ตช์ภาพผู้ต้องสงสัยจากการสอบปากคำผู้บาดเจ็บได้แล้วระดับหนึ่ง แต่ยังไม่มีความชัดเจนนักจึงยังไม่สามารถยืนได้ว่าจะใช่ผู้ก่อเหตุหรือไม่ จึงยังไม่ได้เผยแพร่ออกมาอย่างเป็นทางการ ล่าสุดตำรวจชุดคลี่คลายคดีระดมกำลังตรวจสอบภาพจากวงจรปิด ภายในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โดยมีกระแสข่าวล่าสุดว่า มีกล้องวงจรปิดบริเวณทางเข้าตัวอาคารเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา ชั้นที่ 1 สามารถจับภาพผู้ต้องสงสัยอาจจะเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น โดยเป็นชายถือถุงพลาสติก เดินเข้ามาภายในตัวอาคารด้วยท่าทีมีพิรุธ จากนั้นได้เข้าไปในบริเวณห้องวงษ์สุวรรณ หลังจากนั้นได้หายเข้าไป ก่อนจะเดินกลับออกมา ซึ่งพบว่าไม่มีถุงใบดังกล่าวที่ถือเข้าไปออกมาด้วย แต่กลับถือสิ่งของบางอย่างลักษณะคล้ายร่มสีดำออกมาแทน
ทีมข่าวไบรท์ทีวี ตรวจสอบเรื่องนี้ไปยัง หนึ่งในตำรวจชุดคลี่คลายคดี ซึ่งทำหน้าที่ในการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด แต่ยังคงได้รับการยืนยันว่า ยังไม่พบภาพชายต้องสงสัย ตามที่มีกระแสข่าวออกมาแต่อย่างใด แต่ยืนยันว่าตำรวจกำลังทำงานอย่างเต็มที่ โดยล่าสุดกำลังตรวจสอบข้อมูลจากหน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรืออีโอดี ถึงเรื่องขั้นตอนการใช้อุปกรณ์ไอซีไทมเมอร์เพื่อหน่วงเวลา รวมไปถึงความน่าจะเป็นในการติดตั้งและห้วงเวลาของการหน่วงเวลาระเบิด เพื่อมาทำการวิเคราะห์ถึงพฤติการณ์ของผู้ต้องสงสัยรายนี้
มีรายงานจากสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ กรณีจดหมายที่ถูกส่งไปเตือนไปผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา 2 ฉบับ และ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ อีก 1 ฉบับ นั้น ซึ่งผลการตรวจสอบผลทางหลักวิทยาศาสตร์ โดยอยู่ระหว่างรายงานผลให้ทางผู้บังคับบัญชาระดับสูงทราบ โดยผลการตรวจทางเจ้าหน้าที่สามารถระบุได้ว่า ผู้ที่เขียนจดหมายทั้ง 3 ฉบับนั้นเป็นบุคคลรายเดียวกัน แต่มีการพยายามดัดแปลงลายมือ เพื่อไม่ให้เป็นการตั้งข้อสังเกต รวมไปถึงกระดาษที่ใช้เขียนจดหมายเตือเรื่องระเบิดทั้ง 3 ฉบับ มาจากกระดาษชนิดเดียวกัน เพราะจากการตรวจอย่างละเอียด เมื่อทำการขยาย และการทำการทดสอบพบว่า มีร่องรอยการกดทับของปากกาในการลงน้ำหนักการเขียน ตั้งแต่จดหมายแผ่นแรกไปติดแผ่นที่สอง หลังจากนั้นจากการเขียนจดหมายแผ่นที่ 2 ก็มีร่องรอยการกดทับไปติดกับแผ่นที่สาม รวมทั้งมีการเบี่ยงเบนเนื้อหาข้อความในจดหมาย เพื่อไม่ให้เกิดข้อพิรุธ