รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เผยเตรียมขึ้นค่าโดยสารรถประจำทางใหม่ทั้งระบบ ชงเรื่องคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางพิจารณาอนุมัติต่อไป
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับสมาคมกิจการรถโดยสารประจำทางไทยว่า กระทรวงคมนาคมได้รับข้อเสนอของสมาคมฯไว้พิจารณา ในเรื่องของการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสาร เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งในขณะนี้กรมการขนส่งทางบก อยู่ระหว่างรอผลการศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ในเรื่องโครงสร้างค่าโดยสารสาธารณะใหม่ ก่อนส่งผลการศึกษาดังกล่าวมายังกระทรวงคมนาคม และเสนอไปให้คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางพิจารณาอนุมัติต่อไป
อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารนั้น จะต้องสรุปให้แล้วเสร็จและมีผลบังคับใช้ภายใน เดือนตุลาคม 2561 ทั้งนี้ตนได้กำชับผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะว่า หากมีการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารแล้วนั้น จะต้องเน้นเรื่องของความปลอดภัย และคุณภาพในการให้บริการด้วย
ทางด้านนายพิเชษฐ์ เจียมบุรเศรษฐ์ นายกสมาคมกิจการรถโดยสารประจำทางไทย กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นสมาชิกของสมาคมฯกว่า 200 ราย ให้บริการรถโดยสารสาธารณะ รวมกว่า 10,000 คันทั่วประเทศ ต้องแบกรับภาระต้นทุนสูงขึ้น ซึ่งเกิดจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ถึงภาวะที่จะไม่สามารถประกอบกิจการต่อไปได้ จึงได้ยื่นข้อเสนอให้ รมว.คมนาคม พิจารณาปรับขึ้นราคาค่าโดยสารรถประจำทาง เนื่องจากอัตราค่าโดยสารในปัจจุบันยังไม่รวมค่าธรรมเนียมเฉลี่ยอยู่ที่ 0.49 บาท/กม.เท่านั้น และใช้อัตราค่าโดยสารนี้มาตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งในขณะนั้นราคาน้ำมันอยู่ที่ลิตรละ 23.74 บาท แต่ขณะนี้ราคาน้ำมันอยู่ที่ลิตรละ 29.89 บาท
นายพิเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาแม้ว่าได้แก้ปัญหาโดยการปรับลดเที่ยววิ่งลง 30% รวมถึงดูจำนวนผู้โดยสารให้คุ้มทุนจึงออกวิ่งรถ ไม่วิ่งตามระยะเวลาที่กำหนด แต่ยังเป็นเพียงแค่การประคองให้กิจการดำเนินต่อไปได้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ทางสมาคมฯ จะรอจนถึงสิ้นเดือน ต.ค.นี้ ตามที่ รมว.คมนาคม รับปากว่าจะใช้อัตราค่าโดยสารใหม่ ตามผลการศึกษาการปรับโครงสร้างอัตราค่าโดยสารใหม่ของกรมการขนส่งทางบก ซึ่งมั่นใจว่าจะเป็นอัตราที่สมาคมฯยอมรับได้ และทำให้ผู้ประกอบการอยู่รอดได้แน่นอน แต่ทั้งนี้หากอัตราค่าโดยสารใหม่ยังกระทบต้นทุน จนทำให้ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ทางสมาคมฯจะหารือกันอีกครั้งว่าจะมีการเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไป