“ไทย-เยอรมนี” ผนึกกำลังส่งเสริมหุ้นส่วนเศรษฐกิจ-ความสัมพันธ์ “บิ๊กตู่” รับเป็นต้นแบบดันไทยแลนด์ 4.0 “อังเกลา แมร์เคล” หนุนจัดเลือกตั้งประสบความสำเร็จ
ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อเวลา 12.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ สำนักนายกรัฐมนตรีสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีว่า นายกรัฐมนตรีไดพบหารือกับ ดร.อังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ระหว่างการรับประทานอาหารกลางวันจากนั้นผู้นำทั้งสองได้ร่วมกันกล่าวต่อสื่อมวลชน โดยนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคล ได้ยืนยันถึงความสัมพันธ์ที่ดีและยืนยาวระหว่างไทย-เยอรมนี มีการแลกเปลี่ยนความร่วมมือในหลากสาขา รวมทั้งการลงทุนของนักลงทุนในเยอรมนี ทั้งนี้ ไทยและเยอรมนีได้ร่วมมือกันทั้งในกรอบทวิภาคี ภูมิภาค และร่วมกันแก้ปัญหาต่างๆ ที่เป็นข้อกังวลของประชาคมโลก อาทิ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การค้าโลก รวมถึง การสร้างเสริมการเชื่อมโยงในทุกมิติ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้แสดงความยินดีต่อพัฒนาการการเมืองของไทยที่กำลังจะมีการเลือกตั้งในต้นปีหน้า และขอให้ไทยประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง ซึ่งเยอรมนีพร้อมขับเคลื่อนความสัมพันธ์และความร่วมมือต่างๆให้ประสบผลสำเร็จต่อไป
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีของไทยได้ขอบคุณที่รัฐบาลเยอรมนีให้การต้อนรับการในเยือนครั้งนี้ อย่างสมเกียรติ และชื่นชมความสามารถและการเป็นผู้นำที่เข้มแข็งของนางแมร์เคล ที่ได้มีการพบปะกันในหลายโอกาส ทั้งนี้ เยอรมนีถือเป็น 1 ในพันธมิตรที่ยาวนานและสำคัญที่สุดของไทยในยุโรป โดยมีความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างกันยาวนานถึง 156 ปี ไทยและเยอรมนีตั้งเป้าเพิ่มพูนการค้าระหว่างกันให้ถึง 1.5 หมื่นล้านยูโรภายในปี 2563 ดังนั้นพร้อมส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนที่ยั่งยืนผ่านความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศ ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เพราะเยอรมนีเป็นต้นแบบ การพัฒนาของไทยในหลายด้าน โดยเฉพาะการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยไทยหวังจะเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับเยอรมนีในทุกด้าน รวมไปถึงทางเศรษฐกิจ ด้านการวิจัยและพัฒนา และด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
“เยอรมนีเป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจของไทยในการขับเคลื่อนสู่อุตสาหกรรม 4.0 ในโอกาสที่ไทยจะเป็นประธานอาเซียนในปีหน้า ไทยพร้อมขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างอาเซียนและเยอรมนี รวมทั้ง การแก้ปัญหาที่อยู่ในความสนใจของโลก เช่น สิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ”นายกรัฐมนตรีระบุ