ชาวไทยเชื้อสายลาวแง้ว 5 ตำบล ร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทงดอกทานตะวัน เพื่อขอขมาพระแม่คงคา บริเวณริมคลองชัยนาท – ป่าสัก จ.ลพบุรี ขณะที่ กทม.จัดชุดตรวจลงพื้นที่ ส่วนคลองประปาห้ามลอยทั้งสาย
ประเพณีลอยกระทงนี้ ทำอย่างเรียบง่าย แต่คงไว้ซึ่งขนบธรรมเนียม และประเพณีดั้งเดิม โดยผู้ที่ร่วมงานจะแต่งกายด้วยผ้าซิ่น หลากหลายสีสันอย่างสวยงาม ซึ่งเป็นการแต่งกายของชุมชนลาวแง้ว ผู้ร่วมงานได้นำดอกทานตะวันที่ปลูกในพื้นที่จังหวัดลพบุรี มาประดิษฐ์เป็นกระทง ซึ่งใช้ดอกทานตะวันพิเศษขนาดใหญ่ ที่นำจากเกษตรกร นำมาประดับด้วย ธูป เทียน โดยไม่ต้องเพิ่มสีสันความสวยงามอะไรอีก เพียงเท่านี้กระทงจากดอกทานตะวันของพวกเขาก็สร้างสีสันให้กับสายน้ำในยามค่ำคืน สามารถล่องลอยไปตามกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวในช่วงฤดูน้ำหลากในค่ำคืนเดือนเพ็ญ12 อย่างสวยสดงดงาม
ทั้งนี้ ดอกทานตะวันเมื่อย่อยสลายไปกับสายน้ำแล้ว เมล็ดของดอกทานตะวันที่ร่วงโรย สามารถกลายเป็นอาหารให้แก่ฝูงปลานานาชนิด รวมถึงสัตว์น้ำ ได้เป็นอย่างดี โดยดอกทานตะวันนั้น ไม่สร้างมลพิษ หรือหลงเหลือเป็นขยะให้กับแม่น้ำลำคลอง
โดยงานนี้จะมีขึ้นในวันที่ 2 – 3 พฤศจิกายน 2560 บริเวณศูนย์ร่วมกันสู้อยู่อย่างพร้อมริมคลองชลประทานชัยนาท-ป่าสัก บ้านสระตาแวว ตำบลพุคา ซึ่งผู้สนใจสามารถเดินทางมาร่วมงานกันได้
ส่วนในพื้นที่กรุงเทพฯ สถานที่จัดงานลอยกระทงยอดนิยม อย่างเช่น สะพานพระราม 8 ท่าน้ำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) สวนลุมพินี และภูเขาทอง มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางไปลอยกระทงเป็นจำนวนมาก ซึ่งกรมการปกครอง โดยสำนักการสอบสวนและนิติการ จะมีการออกตรวจสอบโรงแรมที่สุ่มเสี่ยงต่อการมั่วสุมของเด็กและเยาวชน หรือก่ออาชญากรรมต่างๆ รวมถึงการล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งจะมีชุดตรวจ จำนวน 6 ชุด ออกตรวจโรงแรมที่สุ่มเสี่ยงทั่ว กทม. โดย ผอ.สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง จะทำการมอบนโยบายและปล่อยแถวชุดตรวจ
ขณะที่คลองประปา ขอความร่วมมือประชาชน งดลอยกระทงทั้งสองสาย ได้แก่ คลองประปาฝั่งตะวันตกเริ่มจาก เขื่อนแม่กลอง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี จนถึงหน้าโรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ ถ.กาญจนาภิเษก จ.นนทบุรี และคลองประปาฝั่งตะวันออก เริ่มจากสถานีสูบน้ำดิบสำแล อ.เมือง จ.ปทุมธานี ถึงโรงงานผลิตน้ำ สามเสน ถ.พระราม 6
ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำดิบในคลองประปาได้รับการปนเปื้อน ซึ่งจะเป็นการรักษาน้ำให้มีคุณภาพดี เหมาะแก่การนำไปผลิตน้ำประปาบริการประชาชนกว่า 10 ล้านคน ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ และเพื่อป้องกันมิให้เกิดอุบัติเหตุจากการพลัดตกน้ำ จนอาจเกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน โดยผู้ฝ่าฝืน มีโทษปรับไม่เกิน 2 พันบาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ
