นายชยันต์ เมืองสง ผอ.สำนักพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ กรมชลประทาน พร้อมนายวิทย์ วงษ์กมลชุณห์ ผอ.สำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 1 และ รศ.ดร.นพดล เพียรเวช ผู้เชี่ยวชาญงานก่อสร้างอุโมงค์ กลุ่มบริษัทที่ปรึกษา เดินทางมายังอุโมงค์ส่งน้ำเข้า-ออก หมายเลข 6 อุโมงค์ส่งน้ำช่วงแม่งัด-แม่กวง สัญญาที่ 1 ที่บ้านป่าเลา ต.แม่หอพระ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เพื่อตรวจสอบอุบัติเหตุหินภายในอุโมงค์ถล่มลงมาทับ 2 นักธรณีวิทยา คือ นายปฐมพร ศิรวัฒน์ หรืออาย อายุ 23 ปี และ นายปรัชญาวัต วสุอนันต์ หรือ บิว อายุ 24 ปี ของบริษัท อิตาเลียนไทย ดิเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าวานนี้ (2 มี.ค.)
ขณะที่บรรยากาศภายในพื้นที่ไซส์งานของอุโมงค์หมายเลข 6 ยังมีเจ้าหน้าที่และคนงานของบริษัท อิตาเลียนไทยฯ เดินทางมาทำงานตามปกติ แต่ได้งดปฏิบัติงานภายในอุโมงค์เพื่อรอให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยช่วงเช้ามีเจ้าหน้าที่ของ สภ.แม่แตง และวิศวกรเข้าไปตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุภายในอุโมงค์และกั้นไม่ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไป
นายชยันต์ เมืองสง ผอ.สำนักพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ กรมชลประทาน กล่าวว่า กรมชลประทานได้ส่งตนเองมาติดตามและตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นมาอีกแม้อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจะเป็นเรื่องสุดวิสัยก็ตาม ส่วนสาเหตุที่หินพังถล่มลงมาในส่วนของบริษัท อิตาเลียนไทยฯ ได้ดำเนินการก่อสร้างตามรูปแบบ แต่เนื่องจากชั้นหินด้านบนเกิดร่วงลงมากระแทกระบบค้ำยันและทับนักธรณี 2 คนเสียชีวิต มาตรการต่อไปหลังจากนี้จะต้องอบรมเจ้าหน้าที่ให้เพิ่มความเข้มงวด และตรวจสอบอย่างละเอียด เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติต้องรู้จักสังเกต เพราะชั้นหินที่ระเบิดไปแต่ช่วงอาจมีการเปลี่ยนแปลงไม่ได้เป็นรูปแบบเดียวกันตลอด หากดูแล้วสุ่มเสี่ยงต้องมีการพิจารณาว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร
ทางด้าน รศ.ดร.นพดล เพียรเวช ผู้เชี่ยวชาญงานก่อสร้างอุโมงค์ กลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ยืนยันว่า อุโมงค์หมายเลข 6 ที่เกิดเหตุได้มีการเจาะสำรวจชั้นหินแล้ว แต่เมื่อระเบิดลึกเข้าไปพบว่าชั้นหินมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก จึงมีการใส่อุปกรณ์ค้ำยันเข้าไป แต่สภาพภูมิประเทศในพื้นที่เป็นภูเขา และมีรอยเลื่อนของเปลือกโลก เรียกว่ารอยเลื่อนแม่ปิงที่มีอายุหลายร้อยปีกระจายตัวอยู่จำนวนมาก ก่อนหน้านี้ที่ปรึกษาจากบริษัทออสเตรียเข้ามาสำรวจพบว่า ชั้นหินมีคุณภาพไม่ดีนัก จึงได้ออกแบบการขุดเจาะให้มีการค้ำยันครอบคลุมทุกสภาพของหิน และเมื่อขุดเจาะเข้าไปจะมีนักธรณีวิทยาเข้าไปสำรวจสภาพหินอีกครั้งเพื่อวางแผนการทำงานจึงอาจมีความสุ่มเสี่ยง จากนี้ไปจะต้องเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น