เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 16 กุมพาพันธ์ 60 ที่สภ.รัตนาธิเบศร์ พล.ต.ต.สุศักดิ์ ปรักกมะกุล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ เที่ยงกมล ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ ร่วมกันสอบปากคำนายภานุ หรือเก่ง หวังอยู่ อายุ 22 ปี และน.ส.จิดาภา หรือหมู โฉมงาม อายุ 36 ปี สองสามีภรรยาหลังก่อเหตุตระเวนขี่รถ จยย.วิ่งราวทรัพย์ผู้เสียหายหลายสิบราย โดยจับกุมตัวได้ที่ร้านทีแอนที โมบาย ร้านรับซื้อโทรศัพท์มือถือ ภายในตลาดท็อปพลาซ่า อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.รัตนาธิเบศร์ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ในพื้นที่และ สภ.ใกล้เคียงในช่วงกลางดึกหลายรายตั่งแต่ช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2560 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงได้เร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุและสอบปากคำผู้เสียหายจนทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นวัยรุ่นชายและหญิง 2 คนใช้รถจยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับรถตระเวนก่อเหตุกระชากกระเป๋าและโทรศัพท์มือถือบริเวณริมถนนรัตนาธิเบศร์และสะพานลอยคนข้ามในช่วงกลางดึกที่ไม่ค่อยมีประชาชนพลุกพล่านก่อนขับรถหลบหนีไป
จากการตรวจสอบตามร้านรับซื้อโทรศัพท์มือถือที่คาดว่าคนร้ายจะนำทรัพย์สินที่ได้ไปขายต่อ กระทั่งเมื่อวันที่ 15 ก.พ.60 ได้รับแจ้งจากเจ้าของร้านโทรศัพท์มือถือในอำเภอบางใหญ่ จ.นนทบุรี ว่ามีคนร้ายซึ่งมีรูปพรรณตรงกับที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจประสานขอความร่วมมือไว้ก่อนหน้านี้ให้ช่วยสังเกตุหากมีคนนำโทรศัพท์มือถือมาขาย จึงนำกำลังไปตรวจสอบจนพบผู้ต้องหาทั้ง 2 รายขี่รถจยย.กำลังนำโทรศัพท์มือถือที่ได้จากการก่อเหตุเมื่อวันที่ 14 ก.พ. ที่ผ่านมามาขายที่ร้านจึงแสดงตัวเข้าจับกุม ก่อนนำตัวไปตรวจค้นที่บ้านพักจนพบของกลางที่ได้จากก่อเหตุอีกหลายรายการ
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 รายให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกันก่อเหตุวิ่งราวทรัยพ์ และชิงทรัพย์ในเขตพื้นที่จังหวัดนนทบุรีหลายครั้งในเขตพื้นที่สภ.รัตนาธิเบศร์ สภ.เมืองนนทบุรี สภ.ปากเกร็ด สภ.บางใหญ่ โดยจะใช้วิธีขี่รถจยย.ซ้อน 2 ขับตระเวนหาเหยื่อผู้เสียหายที่เดินอยู่ตามลำพังคนเดียวหรือบนสะพานลอยในช่วงกลางดึก เมื่อเจอแล้วก็จะทำที่เข้าไปสอบถามเส้นทางก่อนจะกระชากกระเป๋าสะพายหรือโทรศัพท์มือถือวิ่งหลบหนีมาขึ้นรถขับหลบหนีไป ส่วนทรัพย์สินที่ได้ก็จะนำไปขายต่อให้กับร้านรับซื้อโทรศัพท์มือถือและนำเงินไปซื้อยาเสพติดมาเสพและเที่ยวเตร่
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฏหมาย ส่วนทรัพย์สินที่ยึดได้จะประสานหาเจ้าของเพื่อให้มาชี้ตัวผู้ต้องหาเพิ่มเติม