ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงหนัก 2.1% ปิดที่ 50.51 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลังมีรายงานตัวเลขส่งออกในเดือนธ.ค.ของจีน ลดลง 4.4% ขณะที่เลขาธิการกลุ่มโอเปกห่วงสงครามการค้า กระทบเศรษฐกิจ “จีน-อินเดีย”
เมื่อคืนวันจันทร์ (14 ม.ค.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก งวดส่งมอบเดือนก.พ. ปิดที่ 50.51 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 1.08 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 2.1% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือนมี.ค. ปิดที่ 58.99 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 1.49 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 2.5%
สัญญาน้ำมันดิบปรับลดลง หลังจากสำนักงานศุลกากรจีน รายงานว่า ยอดส่งออกเดือนธ.ค. ลดลง 4.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่ยอดนำเข้าลดลง 7.6% ส่งผลให้จีนมียอดเกินดุลการค้าในเดือนธ.ค.ที่ระดับ 5.71 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยยอดส่งออกและนำเข้าในเดือนธ.ค.ดังกล่าว เป็นสถิติที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2559
ทั้งนี้ ตลอดทั้งปี 2561 ยอดส่งออกของจีนยังขยายตัว 7.1% ชะลอตัวลงจากปีก่อนที่ขยายตัว 7.9% ส่วนยอดนำเข้าขยายตัวเพียง 12.9% ชะลอตัวลงจากปี 2560 ที่ขยายตัว 15.9%
ขณะที่นาย Mohammad Barkindo เลขาธิการกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ระบุว่า เขามีความเชื่อมั่นว่าตลาดน้ำมันจะเข้าสู่ภาวะสมดุลในปีนี้ อย่างไรก็ตาม นายบาร์คินโดแสดงความกังวลว่า การทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน จะกระทบต่อเศรษฐกิจของจีนและอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ของโลก
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย
ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 15 ม.ค. ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ และ WTIปรับลดลงต่ออีกมากกว่า 2% จากตัวเลขการนำเข้าและส่งออกของจีนที่ปรับลดลง
โดยตัวเลขการส่งออกจีนลดลงมากที่สุดในรอบ 2 ปีในเดือน ธ.ค. โดยลดลง 4.4% ขณะที่การนำเข้าประสบภาวะหดตัว โดยลดลง 7.6% ซึ่งลดลงมากสุดนับตั้งแต่ ก.ค.2559 ส่งผลให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงซึ่งจะกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันลดลง
นาย Mohammad Barkindo เลขาธิการกลุ่มโอเปก แสดงความกังวลว่า การทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน จะกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจของจีนและอินเดีย ซึ่งเป็นผู้บริโภคน้ำมันรายหลักของโลก โดยการซื้อน้ำมันของจีนเทียบเท่ากับสัดส่วน 18.6% ของการนำเข้าน้ำมันดิบทั่วโลกในปี 2560 ขณะที่อินเดียมีแนวโน้มเป็นประเทศที่จะแซงหน้าจีนในฐานะผู้นำเข้าน้ำมันมากที่สุดในโลกในปี 2567
ส่วนนาย Khalid al-Falih รมว.พลังงานของซาอุดิอาระเบีย ระบุว่า ยังไม่มีความกังวลต่อสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และไม่คิดว่าโอเปกต้องมีความเร่งด่วนในการจัดประชุมเร็วๆนี้ เพราะเชื่อมั่นว่า โอเปกและประเทศพันธมิตรจะทำตามคำมั่นสัญญาในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันเพื่อช่วยสนับสนุนตลาดให้เข้าสู่สมดุล
ขณะเดียวกัน โอเปกได้ออกมายืนยันเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นในตลาดว่าผู้ผลิตในกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรจะปรับลดกำลังการผลิตในเดือน ม.ค.2562 นี้อีก 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันเพื่อสร้างความสมดุลให้ตลาด
บมจ.ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI จะเคลื่อนไหวในกรอบ 49-54 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 57-62 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล