คดีสิบเอกฆ่าโหดเผ่านั่งยางน้องพลอย ยังไม่จบง่ายๆ ล่าสุด แม่น้องพลอยเชื่อ น่าจะมีผู้ร่วมลงมือหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง วอนตำรวจกระชากหน้ากากคนร้ายที่เหลือ ขณะที่สิบเอกผู้ก่อเหตุมีภาพหลุด หลังก่อคดีหนีไปทำงานที่บาร์โฮสต์ย่านพัทยา ติดตามความคืบหน้าทางคดีกับคุณณัฐพงษ์ เรียบสันเทียะ ผู้สื่อข่าวไบรท์นิวส์ รายงานจากกองบังคับการตำรวจภูธร จ.พระนครศรีอยุธยา
วันนี้ (15 ส.ค.60) แม่ของน้องพลอยและทนายความเดินทางมาที่กองบังคับการตำรวจภูธธ จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อมาให้พยานหลักฐานและข้อมูลเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยแม่น้องพลอยเชื่อว่า อาจมีคนอื่นเกี่ยวข้องในการสังหารลูกสาวของเธอ ขณะเดียวกันแม่น้องพลอยก็นำกระเช้ามามอบเป็นที่ระลึก หลังสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาฆ่าน้องพลอยเมื่อ 3 ปีที่แล้วได้
นางพัชรี ปั้นทอง แม่ของ น.ส.พลอยนรินทร์ ผลิผล หรือ “น้องพลอย” และทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ เปิดเผยภายหลังการมอบกระเช้าของขวัญว่า วันนี้ตั้งใจเดินทางมาขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ช่วยกันสืบสวนจนสามารถจับกุมตัว นายพลกฤษ วิเศษ ได้และได้นำพยานหลักฐานสำคัญมามอบให้กับทางตำรวจแกะรอยหาตัวผู้กระทำความผิดคนอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย เพราะเชื่อว่าการฆาตรกรรมอำพรางซพในลักษณะเผานั่งยางจะต้องมีผู้ร่วมขบวนการอย่างน้อยมากกว่า 1 คน อีกทั้งก็อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาช่วยรักษาความปลอดภัย เพราะในช่วง 2-3 วันนี้ที่นางพัชรีเดินทางไปที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ได้พบกับหญิงสาวแปลกหน้าคนหนึ่งเข้ามาคุกคามว่า น้องพลอยสมควรแล้วที่จะถูกฆ่าเพราะไปแย่งครอบครัวคนอื่น
ในขณะที่การดำเนินคดีของทางตำรวจขณะนี้ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ขณะนี้มีหมายจับ นายพลกฤษ ในข้อหาลักพาตัว ส่วนที่ จ.สระบุรี จะแจ้งข้อหาฆ่า และปิดบัง/อำพราง/ซ่อนเร้นศพ และก็จะประสานไปทาง จ.สระบุรี ในการนำตัวภรรยาคนปัจจุบันของ นายพลกฤษ เข้ามาสอบสวนเพื่อตรวจสอบว่า ภรรยาคนปัจจุบันจะมีความผิดฐานให้ที่พักผิงผู้ต้องหาหรือไม่ พร้อมแสดงความมั่นใจว่าการทำสำนวนคดีร่วมกันของตำรวจพระนครศรีอยุธยาและสระบุรีจะไม่ถูกผู้มีอิทธิพลเข้ามาแทรกแซงในการทำสำนวน ถึงแม้ว่าพ่อของ นายพลกฤษ จะมียศเป็นถึงพันเอก แต่ก็เป็นนายทหารที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว
ขณะเดียวกัน สังคมออนไลน์แชร์ภาพ นายพลกฤต ผู้ต้องหาหลังก่อเหตุสังหารสุดโหด เป็นภาพ นายพลกฤต อยู่ในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยยืนอยู่บนเวทีอวดร่างกาย โดยภาพดังกล่าวสอดคล้องกับคำสารภาพของ นายพลกฤต ว่า หลังก่อเหตุได้หลบหนีไปทำงานที่บาร์โฮสต์ย่านพัทยา จ.ชลบุรี มีเงินติดตัวไปประมาณ 1 แสนบาท มีรายได้จากการทำงานบาร์โฮสต์และขายของในเกมส์ออนไลน์ ขณะที่สังคมออนไลน์ตั้งข้อสังเกตถึงใบหน้าของ นายพลกฤต ว่า อาจไปทำศัลยกรรมใบหน้าเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ตามจับกุมได้ถูกตัว สำหรับการดำเนินคดี นายพลกฤต ขณะนี้ตำรวจก็ยังไม่สามารถดำเนินการขั้นตอนใด ๆ ได้ เพราะ นายพลกฤษ อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่ทหารกรมทหารราบที่ 23 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์