จากกรณีที่มีผู้ใช้ Facebook และ YouTube ชื่อ Life of Cars Bkk ตามติดชีวิต 4 ล้อ ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 1 แสน 2 หมื่นคน โพสต์คลิปวีดีโอ “ทำไมผู้ชายชอบไปขึ้นรถ” ในลักษณะชักชวน สนับสนุน หรือส่งเสริมให้ประชาชนออกมาแข่งรถบนทาง
ล่าสุดพันตำรวจเอกนิธิธร จินตกานนท์ รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจจราจร ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมบูรณาการปราบปรามการแข่งรถในทางสาธารณะบนทางด่วน สามารถจับกุมนาย จิรวัชร์ จิตติมานะสัจจะ อายุ 23 ปี แอดมินเจ้าของเพจดังกล่าวได้แล้ว
นายจิรวัชร์ยอมรับว่าเป็นผู้โพสต์คลิปดังกล่าวจริง โดยรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ รถหรูด้วยกัน มีการนัดพบเพื่อทานอาหารพูดคุยกันตามปกติ ไม่ได้มีเจตนาจะไปแข่งรถ “โดยภาพการแข่งรถท้ายคลิปเป็นของกลุ่มรถซิ่งอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งตนเองถ่ายภาพไว้เพียง 2 คันนี้เท่านั้น หลังจากนั้นก็กลับ จึงไม่ทราบว่ามีรถคันอื่นร่วมแข่งหรือไม่ แต่ทั้งนี้ตนเองก็ยอมรับผิด และขอโทษสังคมในฐานะที่เป็นยูทูปเบอร์ มีผู้ติดตามจำนวนมาก แต่กลับเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับสังคม”
เบื้องต้นตำรวจจึงแจ้งข้อหา “เป็นผู้สนับสนุน ส่งเสริม ให้มีการแข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานจราจร”
ส่วนรถ 2 คันที่ประลองความเร็วอยู่ท้ายคลิปวีดีโอดังกล่าว มีผู้ให้สัญญาณปล่อยตัว จากจุดเริ่มต้นบนทางพิเศษอุดรรัถยา บริเวณด่านเชียงรากขาเข้าไปจนถึงเส้นชัย ตำรวจก็ได้ขยายผลจับกุม นายณัฐพจน์ เตชะมงคลาภิวัฒน์”เป็นผู้ขับขี่รถยนต์ ยี่ห้อซูบารุ ทะเบียน 4 กว 6020 กรุงเทพมหานคร กับ นายนัฐพล เตชะอาภรณ์ชัย ผู้ขับขี่รถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า ทะเบียน ษก 3924 กรุงเทพมหานคร ได้แล้ว พร้อมยึดรถยนต์ของกลางทั้ง 2 คัน โดยเบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา “แข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานจราจร”
ส่วนรถคันอื่นที่ปรากฎตามคลิปวิดีโอ ยังต้องรอสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องว่ามีการร่วมแข่งรถด้วยหรือไม่
ทั้งนี้พันตำรวจเอกนิธิธร ยังระบุอีกว่าที่ผ่านมามีผู้ร้องเรียนถึงพฤติกรรมว่ามักจะมีการรวมกลุ่มและแข่งรถกันของรถยนต์หรูซุปเปอร์คาร์บริเวณจุดพักรถ ปั้มน้ำมัน ปตท. หลังด่านเก็บเงินทางด่วนประชาชื่น ทางพิเศษศรีรัช – อุดรรัถยาเป็นประจำ สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับชาวบ้านประชาชนเป็นอย่างมาก รวมถึงเส้นทางอื่นๆอีกหลายเส้นทางทั้ง ประชาชื่น-ยมราช-สะพานพระราม 9 และเส้นเอกมัย-รามอินทรา ซึ่งตำรวจจะปราบปรามอย่างเข้มงวด จึงฝากเตือนผู้ที่มีพฤติกรรมแข่งรถในทางสาธารณะ มีความผิดตามกฎหมาย ระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือ ปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนดไม่น้อยกว่าหนึ่งเดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ได้