นี่น่าจะเป็นอุทาหรณ์เตือนใจวัยรุ่นที่คึกคะนองเกินเหตุกับจุดจบของหนุ่มมือตบคนแก่ที่นอกจากจะต้องเสียค่าปรับข้อหาทำร้ายร่างกาย และยังถูกสังคม (โซเชี่ยล) ประณามจนชีวิตไม่เป็นสุข เห็นไหมว่ามันไม่คุ้มเลยเมื่อย้อนกลับไปมองการกระทำขาดการยั้งคิดเพียงเสี้ยววินาที
เมื่อเวลา 17.00น.วันที่ 12ก.ค. ณ สน.เพชรเกษม หนุ่มจากคลิปฉาวตบหัวคนแก่กลางเซเว่น นาย ปรีชา ปิตะสิงห์ อายุ 38ปี เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกาย นายสัญญา เชื้อสายดิษฐ์ อายุ 57 ปี พร้อมให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า “ตนมีอาชีพขับระจยย.สาธารณะที่ตลาดบางแค และพบเจอกับลุงสัญญา มากว่า1ปี ซึ่งตนก็พูดเล่นกับลุงเมื่อเจอหน้ากันทุกวัน บางครั้งก็ด่าทอตอบโต้กันไปมากับลุงรวมไปถึงตบหัวลุง ซึ่งไม่แรงอยู่บ่อยครั้งซึ่งตนกับลุงนั้นไม่เคยโกรธกันเลย ตนยังสงสารลุงบางครั้งให้เงินลุงซื้อข้าวซื้อน้ำกิน เล่นแรงๆแบบนี้กันจนชินตาคนแถวๆนั้น. แต่วันเกิดเหตุ มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังถ่ายคลิปลุงอยู่ในร้านสะดวกซื้อตนก็เดินเข้ามาในร้านสะดวกซื้อพอดี เห็นลุงยืนอยู่จึงเดินเข้าไปตบเหมือนทุกครั้ง แต่ไม่คิดว่าผู้หญิงคนที่ถ่ายคลิปจะนำไปลงโซลเชียล ส่วนตัวแล้วตนไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัวกับผู้หญิงคนที่ลงคลิปด้วย สำหรับเนื้อหาคลิปอาจจะดูว่าตบแรงแต่จริงๆ ไม่ได้แรงเลยแต่เสียงอาจจะดังจนน่าตกใจ”
“ทุกวันนี้มีคนในสังคมนำรูปตนไปแชร์ต่อๆกัน ตามล่าผมตลอดตั้งแต่เกิดเรื่องตนเห็นว่าชีวิตตนและแฟนสาวจะไม่ปลอดภัยจนต้องหอบหิ้วข้าวของหนีไปอยู่กับญาติที่ต่างจังหวัด”
แม้จะถูกเปรียบเทียบปรับในข้อหาทำร้ายร่างกายเป็นจำนวนเงินแค่ 500 บาท แต่สิ่งที่สังคมตอบโต้กลับไปหานายปรีชานั้นรุนแรงถึงพริกถึงขิงทั้งโดนตบหน้าฉาดใหญ่จากคนที่โกรธแค้นแทนลุง และถูกตั้งค่าหัวล่าตัวบนโซเชี่ยล ฯลฯ แม้เจ้าตัวจะขอขมาลุงมาแล้วหลายครั้งแต่ดูเหมือนวิถีชีวิตประจำวันของนายปรีชาจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป
Cr. สมพร้อม เนินงาม
