การประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ ถือว่าเป็นการประชุมนัดสุดท้าย ประเด็นหลักอยู่ที่ การ ถวายสัตย์ ปฏิญาณไม่ครบ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก่อนจะมีการปิดประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปี ครั้งที่ 1 ในวันที่ 19 ก.ย. 2562 และจะเริ่มสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่ 2 ในวันที่ 1 พ.ย. 2562
ดังนั้นฝ่ายค้านจึงรีบเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงและเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ในประเด็นการแถลงนโยบายโดยไม่ชี้แจงแหล่งที่มาของงบประมาณให้ชัดเจน และการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ 2560
โดยในครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางมาชี้แจงด้วยตัวเอง เพื่อลบข้อครหาที่ฝ่ายค้านต่างโจมตีในตัวของพล.อ.ประยุทธ์ เนื่องจากนำคณะรัฐมนตรี (ครม.) กล่าวคำปฏิญาณถวายสัตย์ไม่ครบถ้วน พร้อมอ้างว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย และส่งผลต่อการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี
เมื่อเริ่มต้นการประชุมสภาฯฝ่ายค้านต่างประสานเสียงเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกจากการตำแหน่ง และให้ปรับครม. พร้อมทั้งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความไม่มีวุฒิภาวะของพล.อ.ประยุทธ์ และอาจจะทำให้ประเทศขาดความเชื่อมั่น
ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์เองได้ลุกขึ้นชี้แจง ตลอดเวลา 27 นาที ในประเด็นในการแถลงนโยบายโดยไม่ชี้แจงแหล่งที่มาของงบประมาณให้ชัดเจนเท่านั้น แต่ไม่ได้ชี้แจ
งในถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนแต่อย่างใด ท่ามกลางฝ่ายค้าน ยกมือท้วงติงว่าสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงไม่ได้เป็นประเด็นที่ควรจะพูด ก่อนที่พล.อ.ประยุทธ์จะออกจากห้องประชุมสภาฯ เพื่อไปร่วมงานตามวาระงานที่ต้องปฎิบัติตามภารกิจ พร้อมทั้งมอบหมายนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ชี้แจงแทน
ทั้งนี้ ในระหว่างที่พล.อ.ประยุทธ์ นั่งฟังฝ่ายค้านอภิปรายอยู่นั้น ยังได้นำรายงาน “โครงข่ายขบวนการทำลายประเทศ” เตรียมข้อมูลโต้ฝ่ายค้านเข้ามาในที่ประชุมสภาฯด้วย นอกจากนี้ ระหว่างที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวอภิปรายพล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินออกจากห้องประชุมประมาณ 20 นาที และเดินกลับมาในช่วงที่พล.อ.เสรีพิศุทธ์ อภิปรายใกล้แล้วเสร็จ แต่ครั้งนี้นับว่าพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ พูดจาสงบปากสงบคำมากขึ้นมาครั้งที่ผ่านมาจากหน้ามือเป็นหลังมือ
ขณะเดียวกัน ในวันนี้ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัย ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ จากเหตุดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และไม่ขาดคุณสมบัตินั่งนายกรัฐมนตรี ในเมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้เรียกได้ว่าพล.อ.พลเอกประยุทธ์ ไร้ข้อครหาทุกประการ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการประชุมสภาฯนัดนี้จะเป็นนัดสำคัญ เพื่อซักฟอกพล.อ.ประยุทธ์ แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องกล้วยๆสำหรับรัฐบาลที่ไม่กังวลในเรื่องนี้แต่อย่างใด ขณะที่ฝ่ายค้านก็ไม่สามารถอภิปรายอะไรได้มากนัก เพราะเกรงว่าจะเป็นการก้าวล่วงเขตพระราชอำนาจโดยมิบังควร เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมาแล้วถือว่าเป็นคำเด็ดขาด