เรื่องราวของผู้โดยสารรายหนึ่งที่ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ถูกคนขับรถแท็กซี่ไล่ลงจากรถ อ้างว่าเพราะเธอปากเหม็น
ผู้โดยสารรายนี้เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 22.00 น. เธอได้ขึ้นรถแท็กซี่สีชมพู ป้ายทะเบียน ทว7933 จากหมอชิตเพื่อไปย่านจรัญสนิทวงศ์ พอขับออกมาสักพัก จู่ๆคนขับก็ลงจากรถไปซื้อลูกอมที่ร้านค้าแถวหมอชิตมายื่นให้เธอ ซึ่งเธอก็ปฏิเสธไม่รับ ตอนนั้นก็ยังไม่ได้คิดอะไร ทางคนขับก็พูดขึ้นมาว่ากลิ่นปากไม่ใช่เรื่องตลก เหม็นมากจนอยากอาเจียน ซึ่งเธอก็บอกว่าพูดคุยกับคนขับเพียงแค่ตอนที่บอกว่าจะนั่งรถไปไหน อีกทั้งก็ไม่ได้นั่งหน้าคู่กับคนขับ จึงสงสัยว่าทำไมคนขับถึงพูดจาเกินจริงขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรไป สักพักพอเห็นว่าเธอไม่ยอมกิน คนขับก็โวยวาย บอกว่าถ้าไม่ยอมกินก็ให้เปลี่ยนไปนั่งรถคันอื่น เพราะทนกับกลิ่นปากไม่ไหว จากนั้นก็วนรถมาจอดฝั่งตรงข้ามกับหมอชิตและเดินมาเปิดประตูให้เธอลง อีกทั้งได้เข้ามาขอเบอร์โทรศัพท์เธอ ซึ่งเธอไม่ให้เพราะไม่ทราบว่าจะเอาไปทำอะไร คนขับก็โวยวายเรื่องกลิ่นปากของเธออีกครั้งและบอกว่าหากไม่พร้อมก็อย่ามาขึ้นรถ จากนั้นก็รีบขับรถออกไป เธอจึงออกมาโพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัวเพื่อหวังจะเตือนภัยผู้โดยสารท่านอื่นๆให้ระวังรถแท็กซี่คันนี้ เพราะคนขับมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับผู้โดยสารและก็ได้ร้องเรียนไปยังกรมการขนส่งทางบกเรียบร้อยแล้ว
หลังจากนั้นทีมข่าวก็ได้พยายามติดต่อไปยังคนขับรถแท็กซี่คันดังกล่าว ทราบชื่อ คือ นายซาการียา มะกูวิง ก็ยอมรับว่าเขาให้ผู้โดยสารลงจากรถจริงๆ เพื่อให้ลงไปจัดการกับกลิ่นปากตัวเอง เพราะทนรับกลิ่นไม่ไหว พยายามให้ผู้โดยสารอมลูกอมแล้วก็ไม่ยอมอม อ้างว่าตัวเองต้องขับรถประจำที่โรงพยาบาลและรับผู้โดยสารที่เป็นผู้ป่วยบ่อยๆ จึงไม่อยากให้ในรถมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ สุดท้ายเมื่อจนปัญญาจึงต้องให้ผู้โดยสารลงจากรถและให้เรียกรถแท็กซี่คันใหม่
โดยวันนี้นายซาการียา คนขับแท็กซี่คันดังกล่าว ก็ได้เดินทางไปที่กรมการขนส่งทางบกตามที่เจ้าหน้าที่เรียกให้ไปสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ซึ่งทางผู้ตรวจการ กรมการขนส่งทางบกก็ได้เข้ามาพูดคุย เบื้องต้น คนขับแท็กซี่ยอมรับทุกข้อร้องเรียน คือ แสดงกิริยาไม่สุภาพ และส่งผู้โดยสารไม่ถึงที่หมาย ซึ่งถือว่าผิดตามข้อกฎหมาย จึงต้องเสียค่าปรับสูงสุดจำนวน 2,000 บาท ซึ่งใบปรับนี้สามารถใช้แทนใบอนุญาตขับขี่ได้ 7 วัน และในวันนี้นายซาการียา ก็ได้เข้าห้องอบรมผู้ขับรถสาธารณะ เพื่ออบรมมารยาทในการให้บริการผู้โดยสาร ซึ่งทางผู้ตรวจการก็กล่าวว่า อาชีพบริการเป็นอาชีพที่ต้องเจอคนหลายรูปแบบ และพบกับอีกหลายสถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ จึงต้องใช้ความอดทนและมีพฤติกรรมที่สุภาพต่อผู้โดยสาร