ราคาน้ำมันดิบโลกร่วงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 หลังมีความกังวลภาวะน้ำมันล้นตลาด เผย “สหรัฐ-รัสเซีย” เพิ่มกำลังผลิตน้ำมันต่อเนื่อง สวนทางแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
เมื่อคืนวานนี้ (1 พ.ย.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ปิดลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด หลังประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ปิดที่ 63.69 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 1.62เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 2.5% ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนม.ค.ปิดที่ 72.89 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 2.15 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 2.9%
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบดูไบ ปิดที่ 73.24 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 2.29 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 3%
ด้านบมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 2 ต.ค. ว่า ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลดลง 2.5% แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2561 และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ปรับลดลงกว่า 2.9% เป็นผลจากความวิตกกังวลต่ออุปทานน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
สวนทางกับอุปสงค์น้ำมันดิบที่คาดว่าจะอ่อนตัวลง ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่จะชะลอตัวลง หลังสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังคงยืดเยื้อ
ทั้งนี้ อุปทานน้ำมันดิบจากประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์แตะระดับ 11.35 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนส.ค.2561 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ประกอบกับปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของรัสเซียเพิ่มขึ้นแตะระดับ 11.41 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี 2534
ในขณะที่นักลงทุนมีความกังวลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนว่าจะฉุดให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว หลังรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของจีนในเดือนต.ค.2561 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 50.2 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดตั้งแต่เดือนก.ค.2559 หรือต่ำสุดในรอบ 2 ปี จากอุปสงค์ที่ชะลอตัวลงทั้งในและต่างประเทศ หลังได้รับผลกระทบจากสงครามการค้ากับสหรัฐ
บมจ.ไทยออยล์ คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์หน้าว่า ราคานํ้ามันดิบ WTI จะเคลื่อนไหวในกรอบ 60-65 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 70-75 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล