ผู้สื่อข่าวไบรท์นิวส์ ได้ลงพื้นที่เพื่อตามหาพ่อ–แม่ ญาติ พี่น้องของนายเอ็ม หรือ นายชัยชนะ ศิริชาติ ผู้ก่อเหตุไลฟ์สดเฟซบุ๊ก ทำร้ายร่างกายแฟนสาว อาการปางตาย โดยลงพื้นที่ไปตามที่อยู่ที่ระบุในบัตรประจำประชาชนของนายเอ็ม ที่ซอยนวมินทร์ 26 แยก6 ชุมชนสามัคคีพัฒนา เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ พบว่า เป็นชุมชนที่มีคนอาศัยอยู่หนาแน่น และพบบ้านตามที่อยู่ในบัตรประชาชน สอบถามทราบว่า เป็นบ้านญาติของนายเอ็ม และพบมีคนอยู่ภายในบ้าน แต่เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามตะโกนเรียก กลับไม่มีใครเดินออกมาพูดคุย หรือให้ข้อมูลใดๆ
ต่อมา ทีมข่าวได้พบคุณยาย วัย 76 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่เคยเห็นนายเอ็มตั้งแต่ยังเด็ก บอกว่า หลังพ่อแม่ของนายเอ็มแยกทางกัน นายเอ็ม ได้มาอาศัยอยู่ที่บ้านญาติหลังดังกล่าว ก่อนจะหนีหายไปจากชุมชนนี้ประมาณ 10 กว่าปีแล้ว โดยลักษณะนิสัยเป็นเด็กอารมณ์ร้อน โมโหร้าย ถึงขั้นเคยเผาบ้านคุณยายจนต้องหาที่อยู่ใหม่ ซึ่งสาเหตุที่ทะเลาะกันก็เป็นเรื่องกระทบกระทั่งกันตามประสาเพื่อนบ้าน แต่ไม่คาดคิดว่า เอ็ม ซึ่งตอนนั้นอยู่ในช่วงวัยรุ่น จะกล้าก่อเหตุรุนแรงขนาดนี้ หลังจากนั้น เอ็ม ได้หนีหายไปนานหลายปี นานๆทีถึงจะกลับมาบ้านญาติ และไม่ได้นอนค้างคืน กระทั่งมาทราบข่าวว่าถูกจับ ซึ่งตนก็ไม่แปลกใจ เนื่องจากพฤติกรรมของเอ็มเผยให้เห็นตั้งแต่เด็ก และคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเวรกรรมที่เอ็มเคยเผาบ้านคนอื่น
สอดคล้องกับหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ เธอเป็นเพื่อนร่วมงานของนายเอ็ม ได้เปิดเผยกับไบรท์นิวส์ว่า ย้อนกลับไปเมื่อประมาณช่วง ปลายปี 2559 นายเอ็ม ได้ชักชวนให้เธอเข้าร่วมเป็นแอดมินเพจ Global Fx Investment ซึ่งนายเอ็ม สร้างเพจขึ้นมาเพื่อสอนเกี่ยวกับการลงทุนฟอเรกซ์ เป็นการเก็งกำไรซื้อขาย–แลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ โดยมีการอัดวิดีโอขายให้กับผู้ที่สนใจศึกษา อ้างว่า สามารถทำกำไรได้สูงถึงหลักล้านบาท โดยในคลิปใช้คำพูดดี น่าเชื่อถือ แต่หลังจากที่ได้ทำงานร่วมกันสักพัก นายเอ็มก็เริ่มเผยธาตุแท้ลักษณะนิสัยตัวตนออกมา ทั้งอารมณ์โมโหร้าย เกรี้ยวกราด แปรปรวน และเอาแต่ใจ หากใครทำอะไรให้ไม่พอใจ ก็จะต่อว่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย รุนแรง จนหลายคนทนไม่ไหว ไม่ขอทำต่อ ซึ่งต่างจากตอนที่เอ็มชักชวนให้มาทำงานด้วย มีท่าทีสุภาพ ใช้คำพูดน่าเชื่อถือ
เพื่อนร่วมงานคนนี้ยังบอกด้วยว่า นายเอ็มเคยเล่าให้ฟังว่า เคยติดยาเสพติด แต่เลิกได้แล้ว / ซึ่งจากคลิปที่ทำร้ายร่างกายแฟนสาว จนอาการปางตาย ก็น่าสงสัยว่า นายเอ็ม มีการเสพยาก่อนลงมือทำร้ายแฟนสาว เนื่องจากพฤติกรรมที่ปรากฎในคลิป เหมือนคนสติหลุด คลุ้มคลั่งจากการเสพยา
ส่วนเรื่องครอบครัว เอ็มก็เคยเล่าให้เพื่อนร่วมงานฟังว่า พื้นเพเป็นคน อ.บรรพต จ.นครสวรรค์ ถูกพ่อ–แม่ทิ้งตั้งแต่เด็ก แต่ไม่เคยพูดถึงพี่น้องและไม่ทราบประวัติการศึกษา
ขณะที่มีข้อมูลว่า นายเอ็ม จบการศึกษาเพียงชั้น ป.4 จึงเกิดข้อสงสัยว่า เหตุใดจึงมีความรู้เรื่องการลงทุน Forex หรือ การ ซื้อ–ขาย แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ซึ่งจากการสอบถามไปยัง พลตำรวจเอกวิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่าจากการสอบสวนประวัติส่วนตัวเบื้องต้น นายเอ็ม ให้การว่า เรียนจบชั้น ป.4 จากนั้น ได้ไปเรียนต่อ กศน. ส่วนรายละเอียดยังคงอยู่ในระหว่างการสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง เพราะนายเอ็ม ยังไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว / ส่วนเรื่องความเชี่ยวชาญการเทรด Forex นายเอ็ม ตอบสั้นๆว่าไม่จำเป็นต้องจบการศึกษาระดับสูง ใครก็สามารถทำได้หากสนใจและใฝ่รู้เรื่องดังกล่าว
ขณะที่จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม พบว่า “เอ็ม” เคยก่อคดีมาแล้วถึง 2 คดี ก่อเหตุในชื่อเดิมคือ นายสมใจ ศิริชาติ ถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร” ทั้ง 2 ครั้ง ในท้องที่ สน.บึงกุ่ม
โดยคดีที่ 1 ถูกจับเมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2550 ในข้อหาลักทรัพย์หรือรับของโจร ซึ่งก่อเหตุเมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2548 // ส่วนคดีที่ 2 ถูกแจ้งข้อหาเพิ่ม ในวันที่ 2 มี.ค.2550 ข้อหาเดิม คือร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร ที่ถูกแจ้งข้อหาวันที่ 25 ก.พ.2550 โดยถูกส่งตัวเข้าศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนชายบ้านมุทิตา – กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนเป็นเวลา 1 ปี โดยพบว่า ขณะอยู่ในสถานพินิจจะมีปัญหาเรื่องอารมณ์ หากทำให้เครียดจะฟุ้งซ่าน และตลอดระยะเวลาที่อยู่ในสถานพินิจ ไม่เคยมีญาติเข้ามาเยี่ยมแม้แต่คนเดียว
ต่อมา หลังจากถูกดำเนินคดีแล้ว “เอ็ม” ก็ได้เปลี่ยนชื่อ จาก “นายสมใจ ศิริชาติ” เป็น “นายชัยชนะ ศิริชาติ” เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2557 ในท้องที่ เขตบึงกุ่ม กระทั่งมาก่อเหตุในครั้งนี้
ขณะที่เพจดัง(The Purge Forex : เทรดเกรียน เซียนล้าง) ได้แฉพฤติกรรม เล่าถึงความเป็นมาของนายเอ็ม ซึ่งเติบโตและมีชื่อเสียงจากการลงทุน Forex (ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราสากล) ระบุว่า เมื่อเขาเริ่มโด่งดัง ก็เริ่มขายวิดีโอและคอร์สสอนการลงทุนให้ผู้สนใจ แต่พบว่า นายเอ็ม ไม่ได้สอนจริง กลับนำเงินไปใช้ส่วนตัว ซึ่งมีผู้เสียหายประมาณ 150 คน ค่าคอร์สที่จ่ายไปประมาณคนละ 15,000 บาท รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 6 ล้านบาท
โดยที่ผ่านมา ทางเพจได้รวบรวมข้อมูลจากผู้เสียหายเพื่อช่วยกดดันนายเอ็ม ให้กลับตัวกลับใจ แต่ไม่สำเร็จ มีผู้เสียหายหลายคนต้องการเงินคืน แต่เจ้าตัวไม่มีการตอบกลับ ขาดการติดต่อ จนกระทั่งเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น และล่าสุด ขณะนี้ผู้เสียหายอยู่ระหว่างการปรึกษากันว่าจะเข้ารวมตัวกันเพื่อเตรียมเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายเอ็ม