อนาคตชักจะไม่แน่นอนเสียแล้ว
ตู้เติมเงินอัตโนมัติเครื่องสีส้ม “บุญเติม” ที่ตั้งหน้าร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น เกือบจะทุกสาขาทั่วประเทศ เหมือนชะตากรรมกำลังพลิกผัน
เพราะเริ่มมีตู้เติมเงินสีแดง “ทรูมันนี่” ของเครือซีพี เข้ามาตั้งเคียงข้างมากขึ้นทุกที บ้างก็ว่า
ตู้บุญเติม อาจจะถูกร้านเซเว่นฯถอดปลั๊กในไม่ช้า เพราะสัญญาตั้ง ตู้บุญเติม ต่อสัญญากันแบบปี
ต่อปี
กว่าจะมาถึงวันนี้ ตู้บุญเติม ผ่านอะไรมาบ้าง
เจ้าของ ตู้บุญเติม คือ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส (FSMART) เป็นบริษัทลูกของบริษัท ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น (FORTH) จัดตั้งเมื่อ 3 ธ.ค.2551 ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท
คุณพงษ์ชัย อมตานนท์ ประธานกรรมการบริหาร FSMART เล่าว่า แต่เดิมบริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เป็นผู้ผลิตตู้เติมเงินธรรมดาๆขาย เป็นแบบใส่ซิมโทรศัพท์มือถือเข้าไปแล้วค่อยเติมเงิน
แต่ก็มาคิดว่า ถ้าผลิตตู้เติมเงินขายไปเรื่อยๆ ก็ไม่ต่างจากธุรกิจซื้อมาขายไป อีกอย่างตู้เงินแบบใส่ซิมการ์ดแล้วจึงเติมเงิน ไม่ค่อยเสถียร เพราะส่งข้อมูลกันด้วยระบบเอสเอ็มเอส
ฟอร์ท สมาร์ท จึงคิดถึงวิธีการเติมเงินมือถือ “แบบออนไลน์”
นี่เป็นที่มาของธุรกิจตู้เติมเงินออนไลน์ “บุญเติม”
เริ่มแรกรายได้หลักของตู้บุญเติม มาจากการทำรายการ (Transaction) เติมเงินโทรศัพท์มือถือ และมีรายได้จาก 2 ส่วน
คือ ค่าเซอร์วิสชาร์จที่คิดจากคนเติมเงิน คือ หากเติม 10 บาท คิดค่าบริการ 2 บาท เติม 50 บาท คิดค่าบริการ 3 บาท เป็นต้น รายได้เฉลี่ยต่อรายการตรงนี้อยู่ที่ 10% ของยอดเติมเงิน
อีกส่วนมาจากค่าคอมมิชชั่นจากค่ายมือถือ รายได้ต่อรายการตรงนี้อยู่ที่ประมาณ 5% ของยอดเงินที่เติม
จุดเด่นของตู้บุญเติม คือ เติมเงินปุ๊บ ไม่เกิน 3 วินาที จะมีเอสเอ็มเอสแจ้งไปยังลูกค้าว่า เงินเข้าแล้ว และไม่มีการผิดพลาดแม้แต่บาทเดียว
ฟอร์ท สมาร์ท เริ่มติดตั้งตู้บุญเติมเพิ่มเดือนละ 100-200 ตู้ จนปัจจุบัน 10 ปีผ่านมา มีตู้บุญเติมทั่วประเทศ 124,635 ตู้ (31 ธ.ค.2560) เป็นทั้งตู้ของบริษัท และตู้เติมเงินที่ขายเฟรนไชส์
มีฐานลูกค้า 25 ล้านคน มีพันธมิตร 22 เจ้า 1 ในนั้นคือ เซเว่นฯ
ตู้บุญเติม ถ้าใครไม่เคยใช้บริการจะไม่รู้เลยว่า ไม่ได้ทำแค่เติมเงินมือถือเท่านั้น
แต่เจ้าของพัฒนาระบบรองรับบริการใหม่ๆด้วย ไม่ว่าจะเป็น โอนเงินออนไลน์ บริการดูดวง และบริการชำระบิลต่างๆกว่า 33 รายการ ยังรวมไปถึงมีเครื่องชั่งน้ำหนักหยอดเหรียญด้วย แต่วันมีคนใช้บริการตู้บุญเติมกว่า 2.2 ล้านคนต่อวัน
งบการเงินย้อนหลัง 3 ปี
หากเราดูผลประกบการย้อนหลังของบริษัทฯ จะพบว่ากำไรเติบโตขึ้นทุกปี
อย่างปี 2558 มีกำไร 272 ล้านบาท ปี 2559 กำไร 420 ล้านบาท และ ปี 2560 กำไร 543 ล้านบาท
โดยเฉพาะปี 2560 เป็นปีส้มหล่นของ ตู้บุญเติม หลังเซเว่นฯ เลิกขายบัตร และสลิปเติมเงินมือถือวันทูคอลของค่ายเอไอเอส เพราะขอส่วนแบ่งค่าขายบัตรเพิ่มจาก 5% เป็น 7% แล้ว ไม่ได้
คนจึงหันไปเติมเงินวันทูคอลผ่าน ตู้บุญเติม หน้าร้านเซเว่นฯแทน
ทำให้ปี 2560 ยอดเติมเงิน/การจ่ายบิล ผ่านตู้บุญเติมเพิ่มเป็น 36,174 ล้านบาท จากปี 2559 ที่อยู่ที่ 23,383 ล้านบาท
เท่ากับว่ารายได้ของตู้บุญเติมแต่ละตู้จะอยู่ที่เฉลี่ย 795 บาทต่อวัน มากกว่าค่าแรงขั้นต่ำของลูกจ้างที่ทำงานในกรุงเทพฯ 2 เท่าตัว
และนี่อาจเป็นเหตุผลอันเย้ายวนให้ ตู้ทรูมันนี่ ซึ่งอยู่ในเครือ ซีพี เริ่มตั้ง ตู้ทรูมันนี่ หน้าร้านเซเว่นฯมากขึ้น หลังเปิดตัวตู้แรกไปเมื่อต้นปี 2560
ทุกวันนี้ หากนับสาขาร้านเซเว่นฯ มีทั้งหมด 11,000 สาขา มี ตู้บุญเติม ตั้งอยู่หน้าเซเว่นฯมากถึง 9,000 สาขา แต่เริ่มถูกแทนที่ด้วยคู่แข่งใหม่อย่างตู้ทรูฯที่เข้ามา “หยิบชิ้นปลามัน” ที่สำคัญทรู มีแผนว่าจะตั้งตู้ทรูฯไม่ต่ำกว่า 40,000 ตู้ โดยเฉพาะการตั้งตู้หน้าร้านเซเว่นฯ
อนาคต ตู้บุญเติม จึงหมิ่นเหม่ทุกที
แต่จะว่าไปแล้ว การตั้งตู้ทรูฯหน้าเซเว่นฯ คงไม่ทำให้ ตู้บุญเติม ถึงกับถูกถอดปลั๊กออก
อาจเป็นเกมต่อรองในการกดดันให้เจ้าของ ตู้บุญเติม ต้องจ่ายส่วนแบ่งให้ร้านเซเว่นฯมากขึ้นก็ได้ เหมือนกับที่เซเว่นฯ เคยทำกับบัตรวันทูคอล ไม่เช่นนั้นจะถูกแทนที่ด้วยตู้ทรูฯก็เป็นได้
ในโลกธุรกิจที่ปลาใหญ่ล้วนกินปลาเล็ก ตู้บุญเติม ก็มีชะตากรรมไม่ต่างกัน
ยิ่งตอนนี้ แบงก์ใหญ่ แบงก์เล็ก ต่างแข่งขันฟรีธรรมเนียมโอนเงินผ่านอีแบงก์กิ้งและโมบายแบงก์กิ้ง ตั้งแต่เดือนเม.ย.2561 ที่ผ่านมา สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับตู้เติมเงินออนไลน์อยู่ไม่น้อย
ตู้บุญเติม จึงเป็นดงกระสุนตกก็ว่าได้