น้ำมันดิบโลกเพิ่ม 1 เหรียญ “เบรนท์” ปิด 85 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลังอิหร่านลดส่งออกน้ำมันเหลือ 1.1 ล้านบาร์เรล/วัน ปิดแท่นในอ่าวเม็กซิโกรับมือเฮอร์ริเคน “ไมเคิล”
เมื่อคืนวานนี้ (9 ต.ค.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ปิดเพิ่มขึ้น หลังรายงานว่า อิหร่านเริ่มลดการส่งออกน้ำมันดิบเหลือ 1.1 ล้านบาร์เรล/วัน เนื่องจากผู้ซื้อลดคำสั่งซื้อน้ำมันตามข้อเรียกร้องของสหรัฐที่ให้ชาติต่างๆคว่ำบาตรอิหร่านภายในวันที่ 4 พ.ย. นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นยังได้แรงหนุนจากข่าวการปิดแหล่งผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก 20% เพื่อรับมือผลกระทบพายุเฮอร์ริเคน “ไมเคิล”
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ปิดที่ 74.96 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.67 เหรียญสหรัฐ ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. ปิดที่ 85 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.09 เหรียญสหรัฐ ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบ ปิดที่ 82.69 เหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.24 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติสหรัฐ (NHC) รายงานว่า พายุเฮอร์ริเคน “ไมเคิล” ได้ทวีความรุนแรงกลายเป็นพายุระดับ 3 ในช่วงบ่ายวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น หรือในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยขณะนี้กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่รัฐฟลอริดาของสหรัฐ ขณะที่พายุเฮอร์ริเคนไมเคิลเป็นพายุที่มีความรุนแรงมากที่สุดที่เข้าพัดถล่มทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐฟลอริด้าในรอบ 15 ปี
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลในวันพรุ่งนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.61 ล้านบาร์เรล ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 ต.ค. ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 422,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.71 ล้านบาร์เรล
ด้านบมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 10 ต.ค.ว่า ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังปริมาณการส่งออกน้ำมันของอิหร่านในช่วงสัปดาห์แรกของเดือน ต.ค. ลดลง เนื่องจากผู้ซื้อน้ำมันดิบหลายราย โดยเฉพาะยุโรปหันไปซื้อน้ำมันดิบจากผู้ขายประเทศอื่น เพื่อลดความเสี่ยงจากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ที่จะมีผลในวันที่ 4 พ.ย.นี้
ขณะที่พายุเฮอร์ริเคน “ไมเคิล” ที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ชายฝั่งฟลอริดา ส่งผลให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบบริเวณอ่าวเม็กซิโกราว 27 ราย ต้องลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลง 40% และลดกำลังผลิตก๊าซธรรมชาติลง 28% หรือคิดเป็นกำลังการผลิตน้ำมันดิบกว่า 670,832 บาร์เรลต่อวัน และกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติกว่า 726 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า พายุเฮอร์ริเคน “ไมเคิล” จะพัฒนาเป็นเฮอร์ริเคนระดับ 3 จากทั้งหมด 5 ระดับ ก่อนที่จะเข้าปะทะชายฝั่งฟลอริดา และคาดว่าพายุดังกล่าวจะกินวงกว้างราว 322 กิโลเมตร
ขณะเดียวกัน กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2561 และปี 2562 จากที่คาดว่าจะเติบโตที่ 3.9% เป็น 3.7% เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินและเงินทุนไหลออกในตลาดโลก แม้ว่าการค้าระหว่างสหรัฐ เม็กซิโกและแคนาดาจะส่งสัญญาณบวกก็ตาม
บมจ.ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ โดยมองว่าราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 73-78เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 83-88เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล