นายกฯมอบนโยบายจัดทำงบปี 63 เน้นแก้ปัญหาความยากจน-ลดความเหลื่อมล้ำ กำชับส่วนราชการต้องทำให้เห็นชัดว่าประชาชนจะได้อะไร พร้อมย้ำจัดทำงบต้องมีประสิทธิภาพ-โปร่งใส สอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 โดยระบุว่า การจัดทำงบปี 2563 จะต้องสอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี รวมทั้งต้องสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 แผนปฏิรูปประเทศ นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ และมุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
“หน้าที่ของทุกคน คือ เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ น้อมนำศาสตร์พระราชามาใช้เป็นหลักในการทำงานเพื่อผลักดันประเทศ สร้างความสมดุลทางเศรษฐกิจและสังคม ให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง และมีภูมิคุ้มกัน ขณะเดียวกัน ประเทศไทยจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว มีเกียรติภูมิ และยืนอยู่อย่างสมศักดิ์ศรีบนเวทีโลก”พล.อ.ประยุทธ์ระบุ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การจัดสรรงบประมาณจะต้องมีประสิทธิภาพ มีความโปร่งใส เป็นธรรม คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและของประชาชนโดยรวมเป็นสำคัญ โดยแต่ละกระทรวงจะต้องกำหนดให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรมว่าประชาชนจะได้อะไรจากการจัดทำงบประมาณ และจะมีกลไกในการติดตามประเมินผลรวมทั้งจะมีการเปิดเผยต่อสาธารณชนด้วย
“จะมาทำงุบงิบเงียบๆ ไม่ได้อีกแล้ว ต้องเปิดเผยให้ประชาชนมีส่วนร่วม ทุกงบประมาณจะเก็บซ่อนไว้ไม่ได้ จะต้องนำมาเปิดเผยเพื่อนำไปสู่การบริหารงบประมาณส่วนต่างๆ ขณะที่การจัดทำงบประมาณนั้น แต่ละหน่วยงานต้องจัดทำกรอบงบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 ปี เพื่อให้รัฐบาลมีข้อมูลสำคัญในการรักษาวินัยการเงินการคลัง ซึ่งวันนี้รัฐบาลนี้ทำมากกว่า 3 ปีจะถึง 5 ปีด้วยซ้ำ”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวว่า สิ่งสำคัญอันดับแรกที่ต้องทำ คือ การแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งวันนี้จะคิดแบบเดิมๆไม่ได้ ต้องเรียนรู้เพื่อนำไปสู่การใช้จ่ายงบที่มีประสิทธิภาพสูงสุดทั้งนี้ คนไทยต้องกินดีอยู่ดี ต้องไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างคนรวย คนจน หรือคนปานกลาง ประชาชนต้องมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ต้องทำการเมืองให้มีเสถียรภาพและมีธรรมาภิบาล
“เรื่องสำคัญลำดับแรกที่รัฐบาลจะต้องดำเนินการ คือ การแก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ เสริมสร้างสังคมที่มีคุณภาพ รายได้ประชาชนมีเพียงพอในการดำรงชีวิต ส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี และมีการศึกษาที่เท่าเทียมกัน เป็นสังคมสงบสุข โดยให้หน่วยงานใช้จ่ายงบ ทั้งในมิติ Function และมิติ Area โดยน้อมนำยุทธศาสตร์พระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช คือ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา มาปฏิบัติ”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
สำหรับยุทธศาสตร์การจัดสรรงบปี 2563 ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1.ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง เพื่อบริหารจัดการสภาวะแวดล้อมของประเทศให้มีความมั่นคง ปลอดภัยและมีความสงบเรียบร้อยในทุกระดับ และทุกมิติ ทั้งในมิติความมั่นคง และการต่างประเทศ
2.ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เป็นการยกระดับศักยภาพในหลากหลายมิติ ควบคู่กับการขยายโอกาสของประเทศในเวทีโลก และพัฒนาปัจจัยเชิงยุทธศาสตร์ทุกด้าน ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ และการบริหารจัดการภาครัฐและภาคธุรกิจเอกชน
3.ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ได้แก่ การปรับเปลี่ยนค่านิยมและวัฒนธรรม การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต (ตั้งแต่ในครรภ์จนถึงสูงวัย) โดยคนไทยทุกช่วงวัยมีคุณภาพได้รับการพัฒนาอย่างสมดุลทั้งด้านร่างกาย สติปัญญาและคุณธรรม จริยธรรม เป็นผู้ที่มีความรู้และทักษะในศตวรรษที่ 21 รักการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต การพัฒนาการเรียนรู้ การสร้างเสริมให้คนไทยมีสุขภาวะที่ดี และศักยภาพการกีฬา
4.ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม สร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติ กระจายศูนย์กลางความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคม เพิ่มโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามาเป็นกำลังของการพัฒนาประเทศ ได้แก่ การเสริมสร้างพลังทางสังคม (เพิ่มการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการช่วยเหลือสังคม เพิ่มคุณภาพชีวิตประชากรสูงอายุทุกมิติเพื่อรองรับสังคมสูงวัย)
การพัฒนาความเสมอภาคและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำของรายได้ระหว่างประชากรร้อยละ 10 ที่รวยที่สุดต่อประชากรร้อยละ 10 ที่จนที่สุด เพิ่มรายได้ของครัวเรือนในภาคเกษตรการสร้างหลักประกันทางสังคม
5.ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม คำนึงถึงความยั่งยืนของฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชนให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านมาตรการต่างๆ ที่มุ่งเน้นให้เกิดผลลัพธ์ต่อความยั่งยืน เช่น ทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพคงความอุดมสมบูรณ์ มีพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้น ปรับปรุง / ฟื้นฟู ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทั้งระบบ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
และ6.ยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ การปรับเปลี่ยนภาครัฐ ยึดหลัก “ภาครัฐของประชาชนเพื่อประชาชน และประโยชน์ส่วนรวม” มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล กระจายบทบาทไปสู่ท้องถิ่นอย่างเหมาะสม มีธรรมาภิบาล ได้แก่ การพัฒนาบริการประชาชนและการพัฒนาประสิทธิภาพภาครัฐ โดยปรับปรุงพัฒนาการบริการภาครัฐให้เข้าสู่ระบบดิจิทัลในการประกอบธุรกิจเพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บริการประชาชนและการประกอบธุรกิจให้เป็นไปตามความต้องการของผู้รับบริการ
ส่งเสริมนวัตกรรมการบริการภาครัฐและเชื่อมโยง ระบบบริการภาครัฐทางอิเล็กทรอนิกส์ พัฒนาการบริการภาครัฐที่มีคุณค่า ได้มาตรฐานสากล ทันสมัย สะดวก และทันต่อสถานการณ์ เพื่อยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาครัฐสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล
การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ และการพัฒนากฎหมายและกระบวนการยุติธรรม โดยปรับปรุงพัฒนากฎหมายให้สอดคล้องกับบริบทและเอื้อต่อการพัฒนาประเทศโดยประเมิน ผลสัมฤทธิ์ ทบทวนความจำเป็นและความเหมาะสมของกฎหมายที่มีอยู่ แก้ไขปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัย ยกเลิกกฎหมายที่ไม่จำเป็นหรือเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ เพื่อให้กฎหมายช่วยสร้างสรรค์ความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม เป็นต้น