สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลบ 0.7% ปิดที่ 61.70 เหรียญ กังวลการเจรจาสงครามการค้า “สหรัฐ-จีน” ไม่ได้ข้อยุติ ขณะที่อุปทานน้ำมันดิบโลกยังอยู่ในภาวะตึงตัว
เมื่อคืนวันพฤหัส (9 พ.ค.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือนมิ.ย. ปิดที่ 61.70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 0.42 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 0.7% ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือนก.ค. ปิดที่ 70.39 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.02 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 0.03%
สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนกังวล หากสหรัฐและจีน ซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่อันดับที่ 1 และ 2 ของโลก ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการเจรจาสงครามการค้าได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และทำให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลง
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ ขู่ว่าสหรัฐจะขึ้นภาษีสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ จาก 10% เป็น 25% ในวันศุกร์นี้ (10 พ.ค.)
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบยังคงได้แรงหนุน จากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐ (EIA) ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 3 พ.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล และ EIA ยังรายงานว่า ความต้องการใช้น้ำมันจะเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้
นอกจากนี้ การที่สหรัฐใช้มาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันจากเวเนซุเอลาและอิหร่าน รวมถึงภัยคุกคามต่ออุปทานน้ำมันในไนจีเรียและลิเบีย ยังเป็นปัจจัยหนุนต่อราคาน้ำมัน ขณะที่ล่าสุดประธานาธิบดีทรัมป์เพิ่มมาตรการกดดันอิหร่านเพื่อให้ยุติการพัฒนานิวเคลียร์ โดยได้คว่ำบาตรอุตสาหกรรมเหล็ก เหล็กกล้า อลูมิเนียม และทองแดงของอิหร่าน
ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 10 พ.ค. ว่า เมื่อคืนวานนี้ (9 พ.ค.) ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่ม หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้รับจดหมายจากนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนว่า ด้วยความยินดีที่จะหาข้อสรุปเรื่องสงครามการค้า
โดยนายทรัมป์เชื่อว่าข้อสรุปดังกล่าวจะเกิดขึ้นในการประชุมวันที่ 9 พ.ค.2562 ณ กรุงวอชิงตัน ก่อนที่การเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจีนจากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 25 ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันที่ 10 พ.ค.นี้
ขณะที่กลุ่มโอเปกยังคงไม่เร่งเพิ่มกำลังการผลิต แม้อุปทานจะปรับลดจากอิหร่านและเวเนซุเอลาหลังโดนคว่ำบาตรโดยสหรัฐ เนื่องจากยังมีความกังวลว่า หากเพิ่มกำลังการผลิตจะทำให้ราคาน้ำมันดิบดิ่งลง
ทั้งนี้ โอเปกจะดูทิศทางตลาด ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบจากสงครามการค้า กำลังการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ รวมถึงกำลังการผลิตน้ำมันดิบจากรัสเซียหลังเกิดปัญหาน้ำมันดิบในท่อขนส่งปนเปื้อน
นอกจากนี้ หุ้นสหรัฐใน Wall street ตก หลังนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับผลการประชุมเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งสินค้าส่งออกสหรัฐได้รับแรงกดดันตั้งแต่นโยบาย American First โดยเฉพาะถั่วเหลืองที่เป็นสินค้าส่งออกหลักไปยังประเทศจีน