จากกรณีเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ของ “วิชัย ศรีวัฒนประภา” นักธุรกิจเจ้าของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และประธานสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ ตกบริเวณลานจอดรถใกล้กับสนามคิงเพาเวอร์ สเตเดียม ที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นช่วงหลังจบเกมที่เลสเตอร์ ซิตี้ เสมอ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-1 เมื่อคืนวันเสาร์ ตามเวลาท้องถิ่นที่ผ่านมา
สำหรับ วิชัย ได้รับการจัดอันดับจากนิตยสาร ฟอร์บส์ (Forbes) ให้เป็นอภิมหาเศรษฐี อันดับ 5 ของประเทศไทย ประจำปี 2561 โดยมีมูลค่าทรัพย์สินรวม 5,200 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 1.62 แสนล้านบาท

10 อันดับ รายชื่อตระกูลและอภิมหาเศรษฐี 10 อันดับแรกของไทย
-พี่น้องเจียรวนนท์ 3.0 หมื่นล้านเหรียญ
-ตระกูลจิราธิวัฒน์ 2.12 หมื่นล้านเหรียญ
-เฉลิม อยู่วิทยา 2.1 หมื่นล้านเหรียญ
-เจริญ สิริวัฒนภักดี 1.74 หมื่นล้านเหรียญ
-วิชัย ศรีวัฒนประภา 5.2 พันล้านเหรียญ
-กฤตย์ รัตนรักษ์ 3.7 พันล้านเหรียญ
-สารัชถ์ รัตนาวะดี 3.4 พันล้านเหรียญ
-นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ 3.35 พันล้านเหรียญ
-Aloke Lohia 3.3 พันล้านเหรียญ
-วานิช ไชยวรรณ 3 พันล้านเหรียญ
ธุรกิจหลักของวิชัย คือ ธุรกิจร้านค้าปลอดภาษี (ดิวตี้ฟรี) ภายในกลุ่มคิง เพาเวอร์ ซึ่งปัจจุบัน กลุ่มฯ มีร้านค้าดิวตี้ฟรีในสนามบินของประเทศไทย 5 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ หาดใหญ่ และภูเก็ต และมีจุดขายสินค้าปลอดภาษีในเมืองอีก 4 แห่ง คือ คิงเพาเวอร์ รางนํ้า (กรุงเทพ) คิงเพาเวอร์ ศรีวารี (กรุงเทพ) คิงเพาเวอร์ พัทยา (ชลบุรี) และคิงเพาเวอร์ ภูเก็ต
นอกจากนี้ กลุ่มคิงเพาเวอร์ของวิชัย ยังเป็นเจ้าของธุรกิจจำหน่ายสินค้าปลอดอากรบนเครื่องบินระหว่างประเทศ และเครื่องบินของสายการบินไทย ,ไทยแอร์เอเชีย และไทยสมายล์ เป็นต้น รวมทั้งเป็นเจ้าของธุรกิจบริหารจัดการป้ายโฆษณาในสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ตด้วย
ปี 2559 ธุรกิจดิวตี้ฟรีของกลุ่มคิงเพาเวอร์ มีรายได้รวมกันมากกว่า 8.5 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 1 แสนล้านบาทในปี 2561 ขณะที่รายได้หลักของธุรกิจดิวตี้ฟรี จะมาจากยอดขายสินค้าปลอดภาษีในพื้นที่สัมปทานร้านดิวตี้ฟรี ที่สนามบินสุวรรณภูมิ
ขณะเดียวกัน กลุ่มคิงเพาเวอร์ อยู่ระหว่างเตรียมการเข้าร่วมประมูลสัมปทานร้านค้าดิวตี้ฟรีที่สนามบินสุวรรณภูมิ ที่จะเปิดประมูลในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งพื้นที่สัปทานดิวตี้ฟรีดังกล่าว กลุ่มคิงเพาเวอร์ ได้สัมปทานมาตั้งแต่ปี 2548 และจะสิ้นสุดสัมปทานในวันที่ 27 ก.ย.2563
วิชัย ยังเจ้าของโรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ ซอยรางนํ้า กรุงเทพ ,โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ และร้านอาหารอีกหลายแห่ง เช่น ร้านรามายณะ และร้านอาหารลามูน เป็นต้น

รวมทั้งเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอล 2 สโมสร ได้แก่ สโมสรเลสเตอร์ซิตี้ ประเทศอังกฤษ ที่เข้าซื้อเมื่อปี 2553 ด้วยราคา 40 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1,950 ล้านบาท และสโมสรฟุตบอล อาด์ เฮเวเลย์ เลอเวิน (Oud Heverlee Leuven) ประเทศเบลเยี่ยม ซึ่งได้วิชัยได้เข้าหุ้นในสัดส่วน 92%ในปี 2560 รวมทั้งเป็นของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ประเทศอังกฤษด้วย

นอกจากนี้ เมื่อเดือน ธ.ค.2560 ครอบครัวศรีวัฒนประภา ได้ขายหุ้นบริษัทเอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) (AAV) ในสัดส่วน 36% คืนให้กับนายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ คิดเป็นเงิน 8,279 ล้านบาท หลังจากเดือนมิ.ย.2559 ได้ซื้อหุ้น AVV ในสัดส่วน 39% มาจากนายธรรศพลฐ์และครอบครัว ในราคา 7,945 ล้านบาท
ต่อมาเดือน มี.ค.2561 บริษัท คิง เพาเวอร์ มหานคร ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวศรีวัฒนประภา เข้าซื้อทรัพย์สิน “โครงการมหานคร” หรือตึกมหานคร และโรงแรมบางกอกเอดิชั่น ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดในประเทศไทย จากบริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ (PACE) มูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา วิชัย ได้ส่งไม้ต่อให้ “อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ซึ่งเป็นลูกชาย รับทำหน้าที่ดูแลอาณาจักรคิง เพาเวอร์ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
