วันนี้ (1 มิ.ย.) ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกรุงเทพมหานคร (ป.ป.ส.กทม.) เจ้าหน้าที่ฝ่ายตำรวจกองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการปราบปราม (กก.ปพ.บก.ป.) และหน่วยสุนัขตำรวจ K-9 ได้สนธิกำลัง 19 ชุด รวม 200 นาย ร่วมกันเปิดปฏิบัติการ ‘ยุทธการฟ้าสางที่กลางกรุง 2/60’ เพื่อสนองนโนบายของรัฐบาล นำโดย พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผกก.ปพ.บก.ป. โดยก่อนหน้านี้ได้เปิดปฏิบัติการไปแล้วครั้งแรก เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2560
พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า การเข้าปฏิบัติการในแต่ละที่หมายจะมีการแจ้งเบาะแสมากับทาง ป.ป.ส. ซึ่งหน่วยคอมมานโดจะทำการคัดกรองจุดที่คิดว่าเป็นไปได้ก่อนเข้าทำการจับกุมลงตรวจพื้นที่สกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ชุมชน ซึ่งการเข้าตรวจพื้นที่ครั้งนี้ ไม่คาดว่าจะได้ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ แต่เป็นเข้าตรวจค้นเพื่อสกัดกั้นยาเสพติดที่ขยายตัวสู่ชุมชน เพราะกรุงเทพเป็นปลายทางที่จะขยายผลส่งสินค้าไปยังประชาชน และป้องกันภัยคุกคามในประเทศ เนื่องจากร้อยละ 80 ของแหล่งยาเสพติดก่อให้เกิดเหตุอาชญากรรม
โดยการลงพื้นที่ในวันนี้มีเป้าหมายทั้งหมด 19 เป้าหมาย 9 เขตทั่วกรุงเทพมหานคร ในฝั่งธนบุรี ตามที่การข่าวของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารได้แจ้งเบาะแสผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดแก่ ป.ป.ส.กทม. ประกอบด้วย เขตธนบุรี เขตบางพลัด เขตหนองแขม เขตคลองสาน เขตตลิ่งชัน เขตทุ่งครุ เขตราษฎร์บูรณะ เขตบางกอกน้อย และเขตบางขุนเทียน
ซึ่งจุดหลักในวันนี้ อยู่ภายในชุมชนประชาอุทิศ 76 หลังการตรวจค้นบ้านเลขที่ 154 ลักษณะเป็นบ้านปูน 2 ชั้น ทราบว่า เป็นบ้านของนายประภา วิไลรัตน์ พบยาเคตามีนลักษณะเป็นผงสีขาวจำนวนหนึ่งห่ออยู่ภายในธนบัตร ซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกงภายในตู้เสื้อผ้า พร้อมอุปกรณ์การเสพ และยาทรามาดอล (Tramadol) 10 เม็ด ซึ่งมีสรรพคุณเป็นยาแก้ปวด แต่เมื่อนำไปผสมน้ำอัดลมจะะมีฤทธิ์ทำให้เมา ซึ่งยาและอุปกรณ์การเสพทั้งหมด นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี รับว่าเป็นเจ้าของ โดยบอกว่าเพิ่งได้ยามาจากสถานบันเทิงที่ท่องเที่ยวเมื่อคืน ก่อนหน้านี้ไม่เคยเสพยาเสพติดมาก่อน รวมถึงไม่ได้เป็นผู้ค้าด้วย และจากการตรวจปัสสาวะของผู้อยู่อาศัยทั้งหมด 5 ราย เป็นชาย 2 ราย และหญิง 3 ราย รวมทั้งนายเอ ไม่พบว่ามีการใช้สารเสพติดแต่อย่างใด
โดยเบื้องต้นแจ้ง 2 ข้อหา กับนายเอ คือ เสพและครอบครองวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภทที่ 2 (เคตามีน) โดยผิดกฎหมาย
นอกจากนี้ภายในบ้านหลังข้างเคียงไม่มีเลขที่ มีชาวบ้านแจ้งต่อตำรวจว่ามีญาติเสพยาเสพติดอยู่ในบ้านพัก ตำรวจจึงตรวจค้นพบผู้เสพเพิ่มอีก 1 ราย คือ นายวินัย พรายแก้ว อายุ 29 ปี ซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำ ซึ่งเจ้าตัวรับสารภาพว่าตนเองเสพกัญชา แต่จากการตรวจปัสสาวะพบการเสพยาบ้า ไม่พบว่ามีการเสพกัญชาแต่อย่างใด ซึ่งจากการสอบถามมาดาของผู้ถูกกล่าวหาก็ทราบว่าก่อนหน้านี้ นายวินัย เคยเสพยาบ้าและเข้ารับการบำบัดมาแล้วหลายครั้ง
แนวทางการดำเนินการหลังจับกุมได้ นายบัณฑิต ลีลาพตะ ผอ.ส่วนอำนวยการบังคับใช้กฎหมาย ป.ป.ส.กทม. บอกว่า หากผู้เสพยินยอมเข้ารับการบำบัด ก็จะส่งเข้าสถานบำบัดของทาง ป.ป.ส. เพราะผู้เสพถือเป็นผู้ป่วยตามกฎหมาย หากยอมรับการบำบัดก็สามารถยอมความกันได้ เว้นแต่หากตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นการกระทำความผิดซ้ำจะดำเนินคดีทันที แต่หากผู้เสพไม่ยินยอมเข้ารับการบำบัด ก็จะส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ในท้องที่ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ในส่วนของเขตอื่น ๆ ที่ลงพื้นที่ในวันนี้ แจ้งว่ามีการตรวจพบยาเสพติดในจุดที่ 16 เขตราษฎร์บูรณะ พบผู้เสพยาเสพติด 1 ราย ยาเสพติด พร้อมอุปกรณ์การเสพ จุดที่ 15 เขตราษฎร์บูรณะ พบยาบ้า 5 เม็ด ผู้เสพ 2 ราย จุดที่ 18,19 เขตตลิ่งชัน พบกัญชา 100 กรัม ผู้เสพ 2 ราย จุดที่ 17 เขตบางขุนเทียน พบยาไอซ์จำนวนหนึ่ง
ธนาคาร ธนาเกียรติภิญโญ – ผู้สื่อข่าวไบรท์นิวส์ รายงาน
Twitter : @FrameJournalist