เลขาฯมูลนิธิสืบนาคะเสถียร เผย 6ข้อหาอัยการสั่งฟ้องเปรมชัย ครบพฤติการณ์ล่าสัตว์

หลังการแถลงของอัยการภาค 7 ที่สั่งไม่ฟ้อง 5 ข้อหา นายเปรมชัย กรรณสูตร ก็มีกระแสในสังคมที่ยังรู้สึกคาใจ ในบางประเด็น อย่างเช่นเรื่องของอาวุธปืน ซึ่งรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ออกมาโพสต์ชี้แจง เพื่อทำความเข้าใจ

ขณะที่วันนี้ ไบรท์นิวส์ได้พูดคุยกับเลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ซึ่งก็บอกว่า มีเหตุผลที่พอเข้าใจได้ใน 5 ข้อหาที่นายเปรมชัยรอด แต่สิ่งที่กังวลคือพยานฝั่งนายเปรมชัยที่มากถึง 51 ปาก อาจมีผลต่อความสับสนของข้อมูล

นายภาณุเดช เกิดมะลิ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ยอมรับว่า 6ประเด็นที่สั่งฟ้อง นั้น มีความครอบคลุมในเหตุแห่งพฤติการณ์เข้าไปล่าสัตว์ ทั้ง ข้อหาร่วมกันพาอาวุธปืนไปในตัวหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต /ข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า /ข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง /ข้อหาร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครอง /ข้อหาร่วมกันช่วยซ่อนเร้นซากสัตว์ป่า และข้อหาร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวน

ส่วน 5 ประเด็นที่ไม่สั่งฟ้อง นั้นทางมูลนิธิสืบฯ วิเคราะห์ไว้ดังนี้ คือ

ข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากเป็นปืนมีทะเบียนในชื่อของเปรมชัย จึงไม่แปลกที่นายเปรมชัยหลุดในข้อหานี้ เช่นเดียวกับการขอเข้าพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ก็มีการทำหนังสือขออนุญาตตามกระบวนการ จึงไม่ถือว่านายเปรมชัย มีความผิด

แต่ทั้งนี้ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ก็ย้ำว่าสิ่งที่ที่ยังไม่สามารถไว้วางใจได้ ก็คือการให้ข้อมูลของพยานเนื่องจากฝั่งนายเปรมชัยมีพยานถึง 51 ปากซึ่งถือว่าค่อนข้างมากอาจจะส่งผลให้เกิดความสับสนในเรื่องของข้อมูลและอาจส่งผลต่อการตัดสินคดีได้

ด้านนายประยุทธ เพชรคุณ อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษและรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ชี้แจงถึงเหตุผลที่ กรณีที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง 5ข้อนายเปรมชัยไว้ดังนี้

ข้อหาที่ 1. ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

สั่งไม่ฟ้องเพราะ ข้อหานี้ นายเปรมชัย ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนทั้ง 3 กระบอกตามกฎหมาย เมื่อคุณเปรมชัย ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนดังกล่าว ก็ไม่เป็นความผิดทางกฎหมาย ตามที่ตำรวจเสนอเห็นควรสั่งไม่ฟ้องมา

ข้อหาที่ 2. ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต

สั่งไม่ฟ้องเพราะ เขาได้รับอนุญาตจากหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า คือหัวหน้าวิเชียร ชิณวงษ์ ให้สามารถเข้าไปได้ ข้อหานี้ตามกฎหมายแล้วกำหนดเป็นความผิด แต่ไม่ได้กำหนดโทษไว้ เพียงแต่มีโทษทางปกครองคือให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ ถ้าเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าก็คือหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า มีอำนาจทางการปกครองในการที่จะสั่งให้ออกจากสถานที่นั้น

เช่นเดียวกับข้อหาที่ 3. ร่วมกันมีเครื่องมือสำหรับการล่าสัตว์ป่า ทั้ง 2 ข้อหานี้ มีลักษณะอย่างเดียวกัน คือมีบทกฎหมายความผิด แต่ไม่ได้กำหนดโทษไว้ อย่างเช่น จำคุก ปรับ กักขัง หรือยึดทรัพย์สิน ไม่มีกำหนดโทษไว้

ข้อหาที่ 4. ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต

สั่งไม่ฟ้องเพราะ ข้อเท็จจริงฟังได้เพียงแต่ว่า ผู้ต้องหาที่ 4 (ธานี ทุมมาศ) เป็นคนพยายามล่าสัตว์ป่า และ ขณะที่ ผู้ต้องหาที่ 4 พยายามยิงสัตว์นั้น นายเปรมชัย นายยง และนายนที ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ ขณะนั้น อยู่กับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า แต่ในความผิดล่าสัตว์ป่า มีการสั่งฟ้อง นายเปรมชัย แล้ว

ข้อหาที่ 5. ร่วมกันกระทำการทารุณสัตว์โดยไม่มีเหตุอันควร

สั่งไม่ฟ้องเพราะ ตามพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.. 2557 มาตรา 3 กำหนดว่าในพระราชบัญญัตินี้ สัตว์หมายความว่า สัตว์ที่โดยปกติเลี้ยงไว้เพื่อเป็นสัตว์บ้าน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้งาน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นพาหนะ สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นเพื่อน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นอาหาร สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้ในการแสดง หรือสัตว์เลี้ยงเพื่อใช้ในการอื่นใด ทั้งนี้ ไม่ว่าจะมีเจ้าของหรือไม่ก็ตาม และให้หมายความรวมถึงสัตว์ที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า