เอ ศุภชัย เรียกได้ว่าเป็นผู้จัดการดาราเบอร์ต้นๆของเมืองไทย และไม่มีใครไม่รู้จัก แถมยังเป็นคู่หูของ อั้ม พัชราภา เซเลปชื่อดังของวงการอีกด้วย
พี่เอเป็นคนอารมณ์ดี สร้างสีสันให้ชีวิตได้ตลอด แต่หารู้ไม่ว่า เห็นแบบนี้ก็มีมุมเศร้า เคยอกหักมาแล้วเหมือนกัน พี่เอเผยว่า เป็นคนที่ชอบคนที่เขาไม่ชอบเรา ชอบยากๆ ต้องวิ่งตาม ความรักของพี่เอจึงเป็นความรักที่คลุมเครืออยู่ตลอด เป็นความรักที่มโนว่าเขาต้องรักเรา พี่เอเล่าถึงอดีตรักที่เคยเจ็บปวดว่า “ตัวเองเศร้ามาก เหงามาก จึงไปไหว้พระที่วัดท่าไม้แล้วบอกว่า วันนี้เป็นวันสงกรานต์ไม่รู้จะสาดน้ำกับใคร และขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยดลบันดาลให้เจอใครก็ได้ หลังจากทำบุญไหว้พระเสร็จ พี่เอก็ขับรถมาจอดที่โรงแรมดุสิตธานี ขณะที่กำลังเดินออกไปนอกโรงแรม มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาชน ทำให้พี่เอหกล้มเหมือนในนิยาย และเขาก็ดึงมือขึ้น และบอกว่า อ้าว พี่เอ ศุภชัยหรอ พี่เอจึงบอกว่า ใช่ครับ ไปเล่นน้ำไหมครับ เมื่อตอบตกลงจึงไปเล่นน้ำด้วยกัน พร้อมคิดในใจว่า มันต้องเหมือนกับที่เราอธิษฐานกับพระไว้แน่เลยว่า ขอให้เจอ ต้องเป็นคนนี้แน่เลย หลังจากนั้นก็คุยกันมาเกือบ 5 ปี แต่พี่เอก็รู้สึกว่าต่างคนต่างก็เหมือนกับน่าจะมีความพิเศษขึ้นมานิดนึง มีอะไรก็ช่วยเหลือกัน เขาก็ยืมรถไปขับบ้าง แล้วบังเอิญพี่เอไปจอดรถที่สนามบิน แล้วก็เห็นรถเขาที่จอดอยู่ข้างๆ ซึ่งวันนั้นเขาบอกว่า เขาไปทำรายงานกับเพื่อน พี่เอจึงโทรไปที่สนามบิน ซึ่งมีเส้นสายอยู่ก็เช็คได้เลยว่า เขาบินไปต่างจังหวัดกับคนคนหนึ่ง พี่เอก็รู้สึกช็อก จึงส่งคนบินไปตามเขาที่เกาะนั้นเลย เช่าเรือส่วนตัว-เครื่องบินส่วนตัว ขึ้นไปรับ เพราะว่ามันดึกแล้ว จับได้ตอนเกือบ 5 ทุ่มแล้ว ซึ่งเครื่องบินก็ไม่มี พี่เอก็เลยต้องโทรไปหาหน่วยของพี่เอที่อยู่ฝั่งอ่าวไทย ซึ่งเขาก็มาและทิ้งคนที่เขาไปอยู่ด้วย แต่มันก็เหมือนกับการที่ดึงตัวเอง ใจมันไม่ได้มาด้วย สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะไปอยู่กับหัวใจ ซึ่งตอนนั้นพี่เอก็เป็นมุมร้องไห้ โทรไปหาพี่อ้อยพี่ฉอด คลับฟรายเดย์ กะจะปลอมเสียงว่าเป็นใครซักคน เพื่อนก็บอกว่าปลอมไม่ได้หรอก พี่ฉอดเขารู้จักพี่เอดี เขาฟังเสียงพี่เอรู้ ใจนึงก็กลัว ใจนึงก็กดแล้ว ซึ่งโอเปอร์เรเตอร์ก็รับเรียบร้อยแล้ว ซึ่งพี่เอก็รอไม่ไหวแล้ว พี่อ้อย พี่ฉอด ช้ามากเลยอ่ะ ตอนนี้มันคือนอนอยู่ด้วยกันแล้วมันจะไปถึงไหนแล้ว วางหูดีกว่า เดี๋ยวจัดการเอง ก็เลยส่งหน่วยที่บอก ซึ่งตามจริงพี่เอก็แอบสงสัยอยู่หลายอย่างแล้ว คือรถของพี่เอคันนี้ที่เขายืม มันแอบติดเนวิเกเตอร์ไว้ โดยที่เขาไม่รู้ พี่เอบอกว่านี่เป็นการสอนนะ เวลาจะให้ของใครก็ต้องมีสิ่งที่ตามหาได้ เราก็เห็นว่า เอ๊ะ เขาไปอยู่ที่นี่ที่เดิม ทุกวันในเวลากลางคืน”
ซึ่งเหตุการณ์นี้ พี่เอบอกว่า “เสียใจมาก คือไม่รู้จะปรึกษาใคร ปิดรถแล้วแล้วไปร้องไห้คนเดียว จริงๆมีนัดเคลียร์ทั้งเขาและคนที่เขาไปด้วย ก่อนที่จะไปถึงที่เคลียร์ พี่เอก็ร้องไห้ ร้องให้จบ ซึ่งตอนแรกที่เอก็ยอมรับในสภาพของการที่ 3 คนได้ แต่ในใจคือรับได้ไม่จริง จากนั้น พี่เอ กลับมาถึงบ้านยังไม่ทันถึง 2 ชม. เขาไม่โทรกลับมาหาพี่เอ พี่เอก็โกรธแล้ว มันก็เหมือนกับว่า อ๋อ อยู่กับคนนั้นอยู่ใช่ไหม หลังจากเหตุการณ์นี้ ก็ใช้เวลาเกือบเดือนที่น้องๆ คนที่รักพี่เอ สลับกันมานอนเป็นเพื่อน กลางคืนก็ไม่หลับไม่นอน ถึงขั้นไปนุ่งขาวห่มขาว ซึ่งพระท่านให้กินกล้วย ข้าวกับเกลืออย่างเดียว 3 วัน นั่งใต้ต้นไม้ อยู่เกือบถึงชายแดนพม่า วิปัสสนาให้มันทุกข์ไปเลย แล้วพอสึกออกมา เราก็เลยรู้สึกว่า เหมือนสิ่งที่เราต้องไปทำมันเจ็บกว่า จะต้องหลุดมันให้ได้ ก็เลยคิดว่า ทำไมเราทำดีเราต้องได้ทุกข์ด้วย ก็เลยเริ่มปลง จากเครียดแค้นก็กลายเป็นเบาลง เริ่มไปมีความสุขโดยการอยู่กับเพื่อน ไปท่องเที่ยว เพราะถ้ายิ่งโกรธเขา มันจะยิ่งไม่จบ แต่กว่าจะทำใจให้หายโกรธนี่ยากมากซึ่งใช้เวลาทำใจ 2 เดือนเต็มๆ”
