เบสท์ รักษ์วนีย์ ออกมาให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรก หลังคุณพ่อ สมรักษ์ คำสิงห์ ถูกแจ้งความ กระทำอนาจารเด็กอายุ 17 ปี !?
เป็นประเด็นที่หลายต่างจับตาอยู่ในขณะนี้ เมื่อมีเด็กสาวอายุ 17 ปี ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ถูกนักมวยชื่อดัง สมรักษ์ คำสิงห์ พ่อของยูทูบเบอร์-นักแสดงสาว เบสท์ รักษ์วนีย์ กระทำการอนาจารและล่วงละเมิดทางเพศ ต่อมาทางด้าน สมรักษ์ ออกมายืนยันหนักแน่นว่า ไม่ได้ขืนใจสาวคนดังกล่าว ด้วยเกียรติของลูกผู้ชาย และอดีตนักชกเหรียญทองโอลิมปิก ไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่นอน พร้อมทำการแต่งตั้งทนายเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย อีกทั้งยังเผยว่า ตอนนี้ได้หย่ากับภรรยามา 2 เดือนแล้ว

เบสท์ รักษ์วนีย์ สัมภาษณ์ปมร้อนครั้งแรก!
ล่าสุดทางด้านลูกสาวคนโต เบสท์ รักษ์วนีย์ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนครั้งแรกว่า “ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจค่ะ ต้องรอดูว่าทนายจะจัดการคดีอย่างไร ตามขั้นตอนของกฎหมาย หนูรู้เท่าที่พ่อเล่าก็ตรงกับข่าวที่เสนอไป หนูถามทนายเขาก็บอกว่าเดี๋ยวจะดำเนินคดีตามกฎหมาย ก็ให้ทนายกับพ่อคุยกันและจัดการ ตั้งแต่เกิดเรื่องก็ไม่ได้คุยกับพ่อเลยค่ะ หนูรู้ว่าพ่ออยู่ขอนแก่นแต่หนูไม่รู้ว่าเขารู้สึกอะไรยังไง แต่มันก็ไม่ได้มีใครรู้สึกดีอยู่แล้ว ทุกคนก็เสียความรู้สึก รวมถึงตัวผู้เสียหายด้วย ก็อยากให้ทุกคนคอมเมนต์เบาๆ ให้กำลังใจทุกฝ่ายดีกว่า
ตอนแรกครอบครัวเราก็ตกใจเหมือนกัน คือเราไม่รู้ว่าจะเกิดข่าวนี้ขึ้น พอมาคุยกันในครอบครัวมี แม่ เบสท์ และก็น้องชาย คือเราก็ให้กำลังใจกัน เราก็ต้องเดินหน้าต่อไป ส่วนเรื่องที่คุณพ่อหย่ากับคุณแม่อันนี้หนูก็รู้อยู่แล้ว เขาก็มาบอกเราซึ่งเราก็โอเค แล้วแต่เขามันเป็นเรื่องของสามีภรรยา ถ้าเขาสบายใจเราก็โอเค ส่วนสาเหตุที่พ่อแม่ต้องหย่ากันมันมาจากหลายเรื่อง พวกเขาก็ใช้ชีวิตด้วยกันมานานการที่จะหย่ากันก็คงมาจากหลายเรื่อง ส่วนหลายคนที่คอมเมนต์เราในด้านลบก็โดนปกติอยู่แล้ว เราโดนดรามามาเยอะแล้ว หนูโฟกัสคนที่ให้กำลังใจ ส่วนใครที่มาว่าหนู หนูก็ขอโทษแทนคุณพ่อด้วย

ส่วนคุณพ่อก็น่าจะต้องกลับมากรุงเทพ เพราะมีเรื่องอื่นๆ ด้วยที่ต้องเคลียร์ และทนายก็อยู่กรุงเทพ เรื่องที่คุณพ่อบอกว่าเสร็จสิ้นเรื่องนี้แล้วจะไปอยู่ฝรั่งเศส ส่วนตัวหนูหนูบอกพ่อไปว่าถ้าเกิดว่าพ่อผิดก็ต้องยอมรับผิด แต่ถ้าพ่อไม่ผิดแล้วพ่อจะไปฝรั่งเศสเพื่อพักผ่อน หนูก็ออกค่าเครื่องบินและค่าใช้จ่ายให้ เราก็รักพ่อแม่เราปกติเพราะเขาเป็นพ่อแม่เรา มันเกิดขึ้นแล้ว เบสท์เป็นคนที่ถ้าผิดก็คือผิด ถ้าถูกก็คือถูก เพราะฉะนั้นเบสท์ให้กำลังใจพ่อนะคะ แต่พ่อผิดจริงๆ ก็ต้องรับผิด ซึ่งวันนี้เราก็ไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง เพราะเหตุการณ์ตรงนั้นพ่ออยู่กับน้องสองคน เราไม่มีทางรู้ได้ แต่เราก็ต้องให้กระบวนการทางกฎหมายพิสูจน์ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรเราก็ซัพพอร์ตพ่อม่หนูเท่าที่หนูทำได้อยู่แล้ว”
