เป็นเรื่องราวที่ทำเอาคนฟังก็ถึงกับตกใจไปตามๆ กัน เมื่อ คิมแจจุง นักร้องและนักแสดงเกาหลีชื่อดัง ได้เผยเรื่องราวซาแซงแฟนในอดีต
แฟนคลับตกใจ แจจุง JYJ โพสต์ติดเชื้อ โควิด19 สุดทายบอกความจริงแค่แกล้งเล่น
ในระหว่างการถ่ายทอดสดของรายการ Nighttime Workshop ทาง Naver Now ที่คิมแจจุงเป็นผู้ดำเนินรายการพิเศษนั้น (จอกแจ เป็นผู้ดำเนินรายการประจำ) มีผู้ฟังรายหนึ่งส่งเรื่องราวของตนเองเข้ามา โดยเป็นเรื่องราวที่ตัวเขานั้นลืมล็อกประตูอพาร์ตเมนต์ก่อนจะออกไปข้างนอก ซึ่งเมื่อกลับมาก็รู้สึกหวาดหวั่นขณะเดินเข้าอพาร์ทเมนต์ แต่โชคดีที่ไม่เกิดเรื่องอันตรายขึ้น
หลังจากอ่านจบ แจจุงก็ได้พูดว่า “ผมเข้าใจความรู้สึกนี้ดีกว่าใครเลยครับ คือผมเคยเจอประสบการณ์น่ากลัวแบบนี้มาหนักกว่าใครๆ ในเกาหลีเลยครับ”
เขาได้แชร์เรื่องราวของตนเองว่า “ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ผมยังทำกิจกรรมวงอยู่ พวกซาแซงแฟน (แฟนคลับที่มีความหลงใหลศิลปินเกินควรจนล่วงล้ำพื้นที่ส่วนตัว) จะเข้ามาที่บ้านพวกเราตลอดเวลาเลยครับ พวกเขาส่งภาพห้องนั่งเล่น ห้องนอน และห้องครัวมาให้ผมทางโทรศัพท์ ซึ่งในภาพเหล่านั่นก็มีผมอยู่ นั่นแสดงว่าพวกเขาแอบเข้ามาในบ้าน ถ่ายรูป แล้วก็ออกไปครับ ผมไม่รู้ว่าพวกเขามีเบอร์ของผมได้ยังไง แต่พวกเขาก็ส่งภาพมาให้ผมครับ”
เมื่อแจจุงย้ายไปอยู่อพาร์ตเมนต์คนเดียว เหล่าซาแซงก็ตามเข้าไปตึกฝั่งตรงข้าม ในห้องที่ตรงกับห้องของแจจุงพอดีเพื่อคอยเฝ้ามองเขา แจจุงอธิบายว่า “ผมย้ายบ้านเพราะชอบระเบียง แต่ผมก็ไม่สามารถใช้มัน (ระเบียง) ได้เลยครับ เพราะพวกเขาจะคอยจ้องมองผมตลอดเวลา”
เขายังคงครุ่นคิดว่าควรที่จะย้ายออกหรือไม่ จนกระทั่งเหตุการณ์ได้บานปลาย “ในคืนนั้น ผมได้ยินเสียงกริ่งประตูดัง ผมเช็กตรงอินเตอร์คอม แต่ก็ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น ผมเลยกลับเข้าไปในห้อง แต่กริ่งก็ดังขึ้นอีกครั้ง ผมเช็กที่อินเตอร์คอมอีก แต่ก็ไม่มีมีใครเหมือนเดิม ตอนนั้นผมเริ่มกลัว เลยเปิดประตูมองข้างนอก แต่เปิดออกกว้างแค่ประมาณ 30 เซนติเมตรครับ พอมองลงด้านล่างผมเห็นขาของใครบางคน ผมกลัวมากเลยรีบปิดประตู พอเปิดประตูอีกก็ไม่พบใครแล้ว แต่ได้ยินเสียงคนวิ่งลงบันไดฉุกเฉินครับ ผมวิ่งไล่ตามไปสุดฝีเท้าก็จับพวกเขาได้ทัน ซึ่งพวกเขาก็เป็นซาแซงอย่างที่ผมคาดไว้ ผมคิดว่า ‘นี่มันเรื่องจริงเหรอเนี่ย’ แล้วก็โทรแจ้งตำรวจครับ แต่เจ้าหน้าที่บอกกับผมว่า ‘นั่นแฟนคลับคุณนะครับ แน่นอนว่าพวกเขามาหาคุณได้ ทำไมคุณถึงแจ้งตำรวจหละครับ? คิมแจจุงคุณใจแคบมากเลย’ แล้วตำรวจก็กลับไปครับ เรื่องก็เป็นแบบนั้นแหละครับ”

ไม่กี่วันต่อมา ก็มีคนมาแกล้งกดกริ่งอีก แจจุงก็เดาว่าคนคนเดิมนั้นกลับมาอีกแน่ๆ และวันต่อๆ มาก็เกิดขึ้นคล้ายๆ วันนั้นอีก แต่ครั้งนี้ คนคนนั้นเขย่าลูกบิดประตูอย่างรุนแรงแทนการกดกริ่ง
แจจุงเล่าว่าเขาต้องย้ายบ้านทุกๆ สองปี และซื้อรถคันใหม่บ่อยๆ เพราะเมื่องซาแซงหารถของเขาพบก็จะตามเขาไปด้วยตลอด
ต่อด้วยอีกเรื่อง เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับซาแซง แต่ก็ทำแจจุงกลัวเหมือนกัน “ผมสั่งเดลิเวอรี่มาครับ และคนที่มาส่งอาหารก็ดึงหมวกแก็ปลงต่ำมาก ผมถามเรื่องจ่ายเงิน แต่คนๆ นั้นก็เอาแต่จ้องมองผมโดยที่ผมเห็นแค่ตาขาวของเขา ผมเลยบอกเขาว่าให้ดำเนินการจ่ายเงิน และเขาก็พูดว่า ‘คุณจำผมได้ไหม?’ ผมตอบไปว่า ‘ไม่ครับ คุณเป็นใครครับ?’ เขาตอบมาว่า ‘อย่างงั้นเหรอ โอเค’ ก่อนจะเดินกลับไปที่ลิฟท์ พอประตูลิฟท์กำลังจะปิด ผมก็ถามกลับไปอีกว่า ‘คุณทำแบบนี้ทำไมครับ?’ เขาไม่ตอบแต่แสยะยิ้มจนประตูลิฟท์ปิดไป ผมขนลุกครับ แล้วก็ได้โทรไปที่ร้านอาหาร ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ที่ร้านฟังและถามหาข้อมูลของคนส่งเดลิเวอรี่คนนั้นเพราะเขาดูไม่ชอบมาพากล และร้านก็บอกผมมาว่า ‘เขาเพิ่งจะลาออกไปเมื่อกี้เอง’ คือคนส่งของคนนั้นมาส่งของที่บ้านผมแล้วก็ลาออกเลยครับ! เขาอาจจะกลับมาอีกเมื่อไหร่ก็ได้ถ้าเขาอยากจะมา”
มาถึงเรื่องสุดท้าย แจจุงเล่าถึงตอนที่เขาอยู่ชั้นล่างของอพาร์ตเมนต์ ซึ่งถัดจากอพาร์ทเมนต์ของเขานั้นมีเพียงสวนเท่านั้น วันหนึ่ง เขาได้ยินใครบางคนเคาะรัวๆ ที่หน้าต่างห้องเขาฝั่งสวน แจจุงคิดว่าจะเป็นคนส่งของคนเดิม เขาจึงหยิบดาบไม้มาด้วยและออกมาตรวจดู แต่สรุปว่าเป็นซาแซงจากต่างประเทศ
“เรื่องจบไปแล้ว 12 ปี และไม่เกิดอะไรขึ้นกับผมอีกแล้วครับ ตอนนี้ผมไม่ต้องย้ายบ้าน ผมขายรถทุกคัน เป็นอิสระแล้วครับ ทุกวันนี้ผมสามารถเดินเล่นบนถนนได้ตามปกติ มีความสุขมากเลยครับ”
ขอบคุณข้อมูลจาก : allkpop , Soompi
ขอบคุณภาพปกจาก : DAZED