จากกรณีดราม่า สนามกอล์ฟเกียรติธาดา ที่ทำให้ชาวบ้านทนไม่ไหว หลังลูกกอล์ฟตกใส่บ้าน ทำทรัพย์สินเสียหายมานานกว่า 10 ปี ซึ่งสนามกอล์ฟแห่งนี้แต่เดิมอยู่ภายใต้การดูแลของครอบครัว ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ มาตั้งแต่เด็กๆแต่ไม่เคยมีปัญหาใดใดเกิดขึ้น จนต่อมาทางครอบครัวของลีเดีย ได้มีการเซ้งธุรกิจต่อให้คนอื่นมาดูแลบริหาร และ ไม่ได้มีการเกี่ยวข้องกับสนามกอล์ฟแห่งนี้อีกต่อไป
ล่าสุด มีคนเข้าใจผิดคิดว่าสนามกอล์ฟแห่งนี้ ยังคงอยู่ภายใต้การดูแลของลีเดีย จึงทำให้เกิดการพาดพิง และ เข้าใจผิดไปต่างๆนาๆ จนทำให้เธอต้องออกมาชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า
กีฬาคนรวย ซวยประชาชน ชาวบ้านเดือดร้อน ลูกกอล์ฟตกใส่บ้าน ทรัพย์สินเสียหาย นานกว่า 10 ปี
เนื่องด้วยมีข่าวออกมาเกี่ยวกับสนามกอล์ฟเกียรติธาดาในตอนนี้ และได้มีการเอาชื่อของลีเดียกับแมทธิว ไปเกี่ยวโยงกับปัญหาที่เกิดขึ้น
เดียขอชี้แจงดังนี้ค่ะ : สนามไดร์ฟกอล์ฟเกียรติธาดา ได้ดำเนินธุรกิจมาเกือบ 30 ปีแล้ว คุณพ่อเป็นคนก่อตั้งธุรกิจนี้ขึ้นมาตั้งแต่เดียอายุ 7 ขวบ ช่วงที่ทางครอบครัวของเดียบริหารธุรกิจเอง ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเรารับผิดชอบกับกิจการและความปลอดภัยในทุกๆรายละเอียด ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นในช่วงแรกของการเริ่มดำเนินธุรกิจเราก็แก้ไขจนหมด
แต่ช่วง 10 กว่าปีหลัง คุณพ่อได้เซ้งธุรกิจต่อให้คนอื่นมาดูแลบริหาร ทางครอบครัวของเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารธุรกิจสนามกอล์ฟโดยสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าชื่อจะยังคงใช้ชื่อเดิมคือเกียรติธาดา คุณพ่อเซ้งธุรกิจนี้ไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2551
พอได้ทราบข่าวทางเดียและพี่แมท ก็รู้สึกไม่สบายใจที่มีคนเอาชื่อเราไปเกี่ยวข้องกับการบริหารงานของสนามกอล์ฟ และถ้าต่อจากนี้มีการแอบอ้างชื่อว่าเดีย และพี่แมท บริหารอยู่และทำให้เกิดความเสียหายกับชื่อเสียงของพี่แมทและเดีย ทางเราก็จะดำเนินคดีทางกฎหมายกับคนที่อ้างชื่อนั้นต่อไปค่ะ
“เข้าใจว่าเจ้าของบ้านต้องการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับสนามกอล์ฟนะคะ เพราะเขาเดือดร้อนแต่การเอาชื่อของเดียกับพี่แมทไปใช้เป็นเครื่องมือแบบนี้ เพื่อให้ได้เป็นข่าว และทำให้เดียเดือดร้อนไปด้วย ทั้งๆที่เดียกับแมทไม่ได้เกี่ยว มันไม่ถูกต้องนะคะ แบบนี้ไม่น่ารักเลยค่ะ ที่ต้องออกมาชี้เแจงก็เพราะ เริ่มมีคนพูดไปถึงลูกว่า อยากให้ลูกกอล์ฟตกใส่หัวเดมี่กับดีแลน แบบนี้ไม่โอเคค่ะ ยังไงก็ขอให้แก้ไขปัญหากันอย่างลงตัวระหว่างเจ้าของบ้านกับสนามกอล์ฟนะคะและขอให้ยุติการพาดพิงด้วย และขอไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้วค่ะ ขอบคุณค่ะ”