ปอนด์ กฤษดา – พิง ลำพระเพลิง เปิดใจหมดเปลือก ปมดราม่า “บุปผาราตรี” ชี้จุดแตกหัก ต้อม ยุทธเลิศ พร้อมเคลียร์ข้อกล่าวหาละเมิดลิขสิทธิ์
กลายเป็นประเด็นร้อนในวงการภาพยนตร์ เมื่อ ต้อม ยุทธเลิศ ผู้กำกับชื่อดังเจ้าของลิขสิทธิ์หนัง บุปผาราตรี ออกมาโพสต์ฟาดเดือดผ่านอินสตาแกรม พาดพิงถึงโปรเจกต์ใหม่ “บุปผาราตรี มาลีรัตติกาล” ที่ผลิตโดย BeOnCloud ทำเอาแฟนหนังจับตามองอย่างหนักว่าเกิดอะไรขึ้นเบื้องหลัง
ล่าสุด ปอนด์ กฤษดา ผู้บริหารค่าย BeOnCloud และ พิง ลำพระเพลิง ผู้กำกับภาพยนตร์ ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเปิดใจอย่างเป็นทางการ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันว่าไม่ได้ละเมิดสิทธิ์แต่อย่างใด
จุดเริ่มต้นโปรเจกต์ “บุปผาราตรี มาลีรัตติกาล”
“พิง ลำพระเพลิง” เผยว่า โปรเจกต์นี้เริ่มจากไอเดียและบทที่เขาเขียนขึ้นเอง โดยได้ติดต่อกับเพื่อนซึ่งถือครองสิทธิ์ชื่อ “บุปผาราตรี” เพื่อขอซื้อลิขสิทธิ์ ซึ่งสุดท้ายตกลงราคาที่ 1.2 ล้านบาท ให้สิทธิ์ใช้ชื่อได้เป็นเวลา 2 ปี พร้อมมีสัญญาถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ
อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อจำกัดด้านงบประมาณ พิงจึงตัดสินใจเข้าหารือกับ BeOnCloud ซึ่งขณะนั้นมี เจษฎ์พิพัฒ นักแสดงที่เขาอยากร่วมงานอยู่ในสังกัด จนนำมาสู่การร่วมผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้ร่วมกัน
ปอนด์ยัน ไม่เคยคิดขโมยผลงานใคร
ปอนด์ กฤษดา ยืนยันว่า ได้ตรวจสอบเอกสารและสัญญาทั้งหมดอย่างละเอียดก่อนตกลงร่วมลงทุน และไม่มีเจตนาละเมิดสิทธิ์ผลงานใด ๆ จาก ต้อม ยุทธเลิศ แต่อย่างใด พร้อมย้ำว่าที่เปลี่ยนบทแทบทั้งหมดก็เพื่อให้เนื้อหามีทิศทางใหม่ และตอบโจทย์นักลงทุน
“ผมเองชื่นชอบภาคแรกของบุปผาราตรีมาก เลยอยากให้มันอยู่ในที่ที่สมบูรณ์ที่สุด เราไม่ได้เอาอะไรจากของเดิมมาเลย แล้วผมก็ไม่เคยรู้จักกับพี่ต้อมมาก่อนด้วยซ้ำ”
ปมดราม่า “ผู้กำกับเลว”
พิง ลำพระเพลิง ยังกล่าวถึงแอคเคานต์ปริศนา “ผู้กำกับเลว” ที่โพสต์ข้อความแรงพาดพิงตน พร้อมระบุว่าเป็นคำพูดที่ไม่เคยพูด และถือเป็นการใส่ร้ายอย่างร้ายแรง
“ข้อความพวกนั้น ผมไม่ได้พูด แล้วผมก็ยังกลับไปทำงานกำกับหนังเหมือนเดิม แต่พอกลับมาจากกอง ผมโดนด่าทุกวัน ทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องจริงเลย”
เคยพยายามติดต่อ “ต้อม” แต่ไร้สัญญาณตอบรับ
ทั้งพิงและปอนด์เผยว่า เคยพยายามติดต่อ ต้อม ยุทธเลิศ ผ่านบุคคลที่สาม เพื่อเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ขณะที่อีกฝั่งกลับโพสต์สัญญาฉบับเก่าที่ถูกยกเลิกแล้ว จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสาธารณะ
“เรารู้สึกเสียใจมาก เพราะเราคุยกันดีมาตลอด จนสุดท้ายกลับมาสื่อสารกันผ่านโซเชียล ซึ่งมันไปไกลเกินกว่าจะควบคุม”
BeOnCloud เดินหน้าฟ้อง เพื่อปกป้องชื่อเสียง
ทนายของ BeOnCloud ยืนยันว่า ได้มีการยื่นฟ้องเรียบร้อยแล้วในกรณีที่มีข้อความใส่ร้ายจนทำให้บริษัทเสียหาย พร้อมรวบรวมหลักฐานทางกฎหมายทั้งหมด และยืนยันว่า ไม่ได้ฟ้องเพื่อเรียกร้องเงินชดเชย แต่เพื่อปกป้องความจริงและศักดิ์ศรีของบริษัท
ปอนด์ตอบกลับกรณีโดนเหยียดเพศ
จากกรณีแอคเคานต์ “ผู้กำกับเลว” โพสต์ข้อความพาดพิงด้วยถ้อยคำเหยียดเพศว่า “โดนกะเทยขโมยบุปผาไป” ปอนด์กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังกับถ้อยคำลักษณะนี้
“ผมมีเพื่อนที่เป็นกะเทย และสวยมากด้วย ไม่ควรเอาคำนี้มาใช้ในเชิงดูถูก หรือสร้างความเกลียดชัง ที่สำคัญคือ ผมมีผลงานของผมอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปขโมยใคร”
สรุปจุดยืนของทีมผู้สร้าง
ทั้งปอนด์และพิง ยืนยันหนักแน่นว่าไม่ได้มีเจตนาแอบอ้าง หรือสร้างความเสียหายให้ใคร พร้อมเปิดใจหากวันหนึ่งมีโอกาส อยากจะคุยกับ ต้อม ยุทธเลิศ แบบเปิดอก เพราะเชื่อว่าอีกฝ่ายอาจเข้าใจผิดจากข้อมูลที่ได้รับมา
“เราทำด้วยใจจริง และอยากให้โปรเจกต์นี้สำเร็จเพื่อทุกคนที่ร่วมทางมา ไม่ใช่เพื่อทำร้ายใคร และถ้าเรื่องนี้ต้องพิสูจน์กันในชั้นศาล เราก็ยินดีดำเนินการตามกฎหมายทุกขั้นตอน”