ศาลอาญาพิพากษา “แม่ตั๊ก – ป๋าเบียร์” จำคุก 20 ปี ปรับ 2 ล้าน ฐานฉ้อโกงประชาชน โฆษณาเกินจริง ศาลให้รอลงอาญา 5 ปี ให้โอกาสกลับตัว
วันที่ 7 ตุลาคม 2568 ที่ศาลอาญารัชดา มีการอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อทย.582/2567 ในคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ฟ้อง บริษัท เคทูเอ็น โกลด์ จำกัด และจำเลยรวม 3 ราย ได้แก่ นายกานต์พล เรืองอร่าม (ป๋าเบียร์) และ นางสาวกรกนก สุวรรณบุตร (แม่ตั๊ก) ฐานฉ้อโกงประชาชน และความผิดตามกฎหมายหลายฉบับ ทั้ง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค และ พ.ร.บ.ขายตรง
จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพในชั้นศาลว่าได้ดำเนินธุรกิจขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมมีการโฆษณาเกินจริงในลักษณะชวนเชื่อว่า สินค้าทองคำและเครื่องประดับมีความบริสุทธิ์สูงถึง 99.99% พร้อมแถมของสมนาคุณต่าง ๆ แต่ในความเป็นจริง มีสินค้าหลายรายการที่มีส่วนผสมอื่นผสมอยู่ เช่น หินหยก ลูกปัด หรือวัสดุประดับต่าง ๆ ทำให้ค่าทองเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 71–73% เท่านั้น
แม้ผลการตรวจสอบทองคำของกลางจะยืนยันว่า “ไม่ปลอม” และมีค่าทองจริงตามมาตรฐานในบางชิ้น แต่ศาลเห็นว่า การโฆษณาของจำเลยเป็นการ “กล่าวอ้างเกินจริง” จนเข้าข่ายหลอกลวงประชาชน
จำคุก 20 ปี แต่รอลงอาญา เปิดโอกาสสู่การกลับตัว
ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า จำเลยมีความผิดจริงตามฟ้องในหลายข้อหา อาทิ
- ประกอบธุรกิจขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต
- โฆษณาเกินจริงทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด
- ขายสินค้าที่มีฉลากไม่ถูกต้อง
- ฉ้อโกงประชาชนรวม 60 กระทง
โดยมีคำพิพากษาดังนี้
- บริษัท เคทูเอ็น โกลด์ จำกัด (จำเลยที่ 1) ปรับรวม 675,000 บาท
- แม่ตั๊ก และป๋าเบียร์ (จำเลยที่ 2 และ 3) จำคุกคนละ 20 ปี และปรับคนละ 675,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ศาลพิจารณาพฤติกรรมจำเลยเพิ่มเติม พบว่า มีการเปิดให้ลูกค้า “คืนสินค้า” โดยมีผู้ส่งคืนรวมกว่า 3,900 ราย คิดเป็นมูลค่ากว่า 82.7 ล้านบาท และมีการคืนเงินแก่ผู้เสียหายแล้วกว่า 1,600 ราย รวมเป็นเงิน 57 ล้านบาท อีกทั้งยังวางเงินชดใช้ให้ผู้เสียหายตามคำฟ้องครบถ้วน
เมื่อรวมกับการที่จำเลยไม่เคยกระทำผิดมาก่อน และอยู่ในระหว่างการคุมขังชั่วคราว ศาลจึงมีคำสั่ง รอลงอาญาโทษจำคุกไว้เป็นเวลา 5 ปี พร้อมกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติม ได้แก่
- คุมความประพฤติปีละ 2 ครั้ง
- ทำงานบริการสังคมไม่น้อยกว่า 30 ชั่วโมง
- ห้ามกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันซ้ำอีกในระหว่างเวลารอลงอาญา
จากแม่ค้าออนไลน์สู่คดีฉาวระดับประเทศ
กรณีของ “แม่ตั๊ก – ป๋าเบียร์” เคยได้รับความนิยมในโลกออนไลน์จากการขายทองและเครื่องประดับผ่านไลฟ์สด ด้วยยอดขายและจำนวนผู้ติดตามหลักแสน แต่เมื่อมีผู้บริโภคจำนวนมากร้องเรียนว่า ได้รับสินค้าที่ไม่ตรงตามโฆษณา จึงนำมาสู่การดำเนินคดี และจบลงด้วยคำพิพากษาครั้งนี้
แม้ศาลจะให้โอกาสกลับตัว แต่ก็เป็นเครื่องเตือนใจสำหรับผู้ประกอบธุรกิจออนไลน์ว่า ต้องยึดหลักความโปร่งใสและซื่อสัตย์กับผู้บริโภคเป็นสำคัญ โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินค้ามีมูลค่าสูงอย่างทองคำ