สืบเนื่องจากชาวเน็ตเเห่แชร์เฟซบุ๊กของ หม่ำ จ๊กมก ที่มีชื่อว่า “เพ็ชรทาย วงษ์คำเหล่า” ซึ่งเฟซบุ๊กนี้ได้มีการเเสดงความคิดเห็น พร้อมกับประกาศจุดยืนทางการเมือง โดยมีการเเชร์ภาพสัญลักษณ์ 3 ขีด ที่เเสดงออกถึงประชาธิปไตย พร้อมเผยข้อความว่า “เอาติ๊ล่ะ” ซึ่งก็ทำเอาเหล่าบรรดาแฟนคลับ รวมถึงชาวเน็ตเข้ามาเเสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก พร้อมกับเเห่เเชร์ภาพตำรวจที่เคารพ ในคราบของ หม่ำ จ๊กมก ในชุดตำรวจ
ชาวเน็ตแห่แชร์ภาพตำรวจที่นับถือ หลัง หม่ำ จ๊กมก ประกาศจุดยืน “เอาติ๊ล่ะ”
ล่าสุด หม่ำ จ๊กมก ออกมาเปิดใจเเล้วว่า “ตนเองนั้น ไม่มีเฟซบุ๊ก นั้นเป็นเฟซปลอม ซึ่งโซเชียลต่างๆ มีเพียงภรรยาตนเองเท่านั้นที่เป็นคนเล่น ผมไม่มีตรวจสอบผมได้ ไม่มีจริงๆ ไม่มีเฟซบุ๊ก ไม่มีไลน์ วันนี้มางานเขาบอกให้ปักหมุด ผมยังงงปักหมุดคืออะไร เขาก็เลยบอกว่าให้เข้ากูเกิ้ลแมพ ผมก็ยังไม่รู้เลย คิดดูแล้วกัน”
ซึ่งผู้สื่อข่าวก็ได้ถามถึงประเด็นนี้ว่า หลังจากมีการเเชร์ภาพดังกล่าวออกมา เจ้าตัวได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง เจ้าตัวก็ตอบกลับมาว่า “มันก็มีบ้าง กับลูกสาวและครอบครัว แต่ลูกสาวก็รู้ว่าพ่อไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีเฟซ ไม่มีไลน์อยู่แล้ว ใครที่ดูดไปจากภรรยาผม ที่ผมลง ส่วนใหญ่ผมจะทำกับข้าวกับเมีย ของ เอ็นดู วงษ์คำเหลา คือของแท้เลย แต่ถ้านอกเหนือจากนั้น ของปลอมหมดเลย ของลูกชายผมด้วย นั่นคือของปลอมทั้งหมดเลย ส่วนจะไปแจ้งความไหม ผมเป็นคนติดหนี้คืนทุน มีบุญคุณทดแทน มีแค้นให้อภัย ผมไม่ใช่เป็นคนแบบนั้น ถ้าคุณคิดว่าสนุกก็ทำไป ไม่เป็นไร”
โดยจากกรณีเฟซบุ๊กนี้ เป็นเฟซบุ๊กที่ดาราก็ตามเยอะ ชาวเน็ตก็ตามเยอะ จนถูกเข้าใจว่าเป็นเฟซบุ๊กส่วนตัวของ หม่ำ จ๊กมก จริงๆ ซึ่งเจ้าตัวก็ตอบกลับมาว่า “มันก็คงจะเป็นแบบผมนี่แหละมั้ง แต่ผมไม่ได้โกรธเขาหรอก บางทีแฟนคลับเข้ามาคอมเมนต์ ผมก็ไม่โกรธนะครับ เขาก็รู้สึกอ่ะ แต่ไม่เป็นไร ผมก็บอกว่าไม่ใช่ของผม ไม่ใช่ของผมจริงๆ ผมเล่นโทรศัพท์ไม่เป็น คนที่อยู่เคียงข้างผม และรู้จักผม ทุกคนรู้หมด ว่าผมไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีเฟซฯ ไม่มีเพจ ไม่มีอะไรสักอย่าง ไม่รู้เรื่อง”
อย่างไรก็ตาม หม่ำ จ๊กมก ยังฝากถึงบุคคลที่สร้างเฟซบุ๊กปลอมนี้ขึ้นมาว่า “มันไม่สนุกหรอกครับ อย่าทำเลย สงสารคนที่เขาถูกกระทำ บางทีคนที่เขาถูกกระทำเขาก็รู้สึก ผมไม่ได้โกรธ ไม่ได้ว่าอะไร เขาอยากจะสนุกก็ได้ แต่ถ้าเกินเลยไปก็ไม่ไหว บางทีครอบครัวผมเขาก็ไม่กล้าออกไปไหน เขาไม่อยากไปโดนคำถามว่าพ่อคุณเป็นอย่างนั้นเหรอ พ่อคุณเป็นอย่างนี้เหรอ”