แพรรี่ ไพรวัลย์ เปิดใจเลิกแฟนหนุ่ม ฟอร์ด แล้ว ยอมรับความรู้สึกไม่เหมือนเดิม ไม่เสียดายความรัก 1 ปี 7 เดือน ลั่นพร้อมเปิดใจให้คนใหม่ตลอด
ก่อนหน้านี้มีแฟนๆ จับตาอย่างมาก เมื่อจู่ๆ แพรรี่ ไพรวัลย์ ได้ออกมาโพสต์ร่ายยาว จบความสัมพันธ์กับแฟนหนุ่มรุ่นน้องอย่าง ฟอร์ด แล้ว ทำเอาหลายคนใจหายอยู่ไม่น้อย แต่บางคนก็คาดเดาว่าเป็นช่วงงอนง้อตามประสาคู่รักหรือเปล่า เพราะก่อนก่อนหน้านี้ทั้งคู่เคยระหองระแหงกันอยู่บ่อยๆ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะแยกทางกันจริงๆ เพราะ แพรรี่ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการแล้วว่า ตัดสินใจจบรัก 1 ปี 7 เดือนแล้ว แม้จะยังไม่มีการพูดคุยกับอดีตคนรัก แต่ก็เชื่อว่าอีกฝ่ายรับรู้แล้ว

แพรรี่ เผยไม่เสียดายรัก 1 ปี 7 เดือน พร้อมเปิดใจให้รักครั้งใหม่!
ล่าสุด แพรรี่ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับทางบรรดาสื่อมวลชนว่า “ก็อย่างที่ได้ชี้แจงไปในเพจ ในติ๊กต๊อกส่วนตัวว่าตอนนี้ได้ยุติความสัมพันธ์กับน้องฟอร์ดเรียบร้อยแล้วนะคะ หลักๆ ก็คือการที่เรารู้สึกได้กับความไม่เหมือนเดิม รู้สึกว่าความสัมพันธ์ที่พยายามสร้างมาตลอด 1 ปี 7 เดือนมันไม่ได้นำไปสู่สิ่งที่เราคิดว่ามันควรจะเป็น มันไม่ได้เป็นความสัมพันธ์ที่คบกันแล้วซัปพอร์ตจิตใจเราทั้งคู่ มันอาจจะเท่าเดิมหรือน้อยลงไป และพอถึงจุดนึงหนูรู้สึกว่าในขณะที่เรายังรู้สึกดี หรือมีความรู้สึกที่ยังมีความหวังดีต่อกัน เราลดสถานะความเป็นแฟนดีกว่า มันจะได้ไม่นำไปสู่จุดที่เรารู้สึกแย่ต่อกันมากกว่านี้ ซึ่งตอนนี้มันไม่มีนะคะ และหนูก็ไม่อยากให้ไปถึงจุดนั้น หนูก็เลยคิดกับเขาเหมือนพี่น้องดีกว่า มันเริ่มจากที่หนูค่ะ คือหนูไม่ได้รู้สึกอยากเป็นคู่รักกับน้องแล้ว ไม่ได้อยากให้น้องไปอยู่ในจุดที่เป็นแฟนเรา ก็เลยรู้สึกว่าเราคืนอิสระให้น้องดีกว่า และเราก็เอาความรู้สึกของเราที่เคยให้น้องไปกลับคืนมา ถามว่าหมดรักไหม มันหมดความรู้สึกที่อยากจะเป็นคู่ แต่มันยังไม่หมดความปรารถนาดีที่เรามีให้เขา
ถามว่าหมดความรู้สึกเป็นแฟนนานหรือยัง ที่มันชัดๆ ก็เมื่อไม่นานนี้ค่ะ ก็ไม่อยากลงรายละเอียด เพราะอะไรที่มันทำให้น้องดูไม่ดี หนูก็ไม่อยากพูด เพราะประเด็นนี้หนูเป็นคนเริ่ม เป็นคนขอน้องเป็นแฟน ดังนั้นหนูก็ไม่ควรไปพูดหรือทำอะไรให้น้องเขาผิด ก็เลยคิดว่าบางทีการลดความสัมพันธ์มันไม่ต้องไปถามหรอกว่าใครผิด ใครถูก เพียงแต่ถ้าเราไม่ได้มีความรู้สึกเหมือนเดิมแล้ว ก็ควรบอกเขาไปตรงๆ หรือทำให้เขารู้ว่าเราไม่ได้ต้องการยืนอยู่จุดเดิมแล้วนะ และเราก็ยินดีให้น้องกลับไปมีชีวิตของเขาได้อย่างเต็มที่ 100%

ถ้านับจากหลายๆ เหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นกับหนู มันก็นาน เพราะกว่าหนูจะกล้าตัดสินใจอย่างตรงไปตรงมาที่จะยุติความสัมพันธ์ หลายครั้งหนูก็บอกตรงๆ ว่าหนูก็ทำทุกอย่างเพื่อที่ไม่ให้น้องไปจากหนู พยายามเป็นฝ่ายตามง้อบ้าง พยายามสานความสัมพันธ์ที่มันระหองระแหง 2-3 ครั้งก่อนหน้านี้ เพราะเรายังอยากให้น้องอยู่กับเรา เรายังอยากมีสถานะเป็นแฟน แต่พอมาถึงจุดนึงมันเกิดความรู้สึกแบบนี้อีก เราก็เลยรู้สึกว่ามันถึงเวลาที่เราต้องตื่น และต้องยอมรับว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้แล้ว ถ้าเราเดินทางไปแล้วมันไม่ได้มีสิ่งที่เราอยากเห็น เราก็แค่ยุติการเดินทางนี้ซะ
ถามว่าได้คุยกันไหม ก็ไม่ได้ทั้งยกหูและไม่ได้เจอตัวค่ะ คือปัญหาของหนูกับน้องคือถ้ามีอะไรเกิดขึ้น น้องเขาจะเป็นฝ่ายเงียบทุกครั้ง แล้วหนูก็จะต้องเป็นคนที่ติดต่อไปคุย แล้วก็จะมีคนๆ หนึ่งคอยเป็นคนเชื่อมให้ หนูก็เลยสื่อสารผ่านไปทางเขา ถามว่ามีการคุยตัวต่อตัวหรือยัง คือเขารู้แล้วล่ะ เพราะทุกครั้งเวลาที่มันมีอะไร เราก็มีช่องทางโซเชียล เขาก็สื่อสารบนโซเชียล และครั้งนี้หนูไม่เป็นคนที่ต้องเดินไป หนูไม่อยากก้าวขาไปไม่ว่าด้วยเหตุผลใด เพราะทุกครั้งหนูเป็นคนก้าว หนูก็ไม่อยากทำแล้ว
ก็มีคนมาถาม แต่หนูก็รู้แล้วล่ะว่าคำถามนี้ก็มาจากเขานั่นแหละมาถามว่าหนูรู้สึกอะไรยังไง หนูก็เลยชี้แจงไปหน้าไลฟ์เลย และเช้าวันรุ่งขึ้นน้องเขาก็มีปฏิกิริยาตอบกลับ และรับรู้ในสิ่งที่หนูได้ชี้แจงไป ซึ่งเขาก็มีได้ออกมาให้สัมภาษณ์แล้ว เขาก็โอเคกับสิ่งที่หนูโพสต์ไป แต่ถ้าเขาทักมา อยากได้ยินจากปากหนู หนูก็ยินดีที่จะคุยด้วย เพียงแต่ทุกครั้งหนูจะเป็นฝ่ายที่ต้องพูดหรือจะต้องก้าวขาไปหาเขา แต่ครั้งนี้หนูไม่ทำ หนูก็เลือกวิธีที่เขาทำกับหนูเพื่อการลดความสัมพันธ์
ไม่รู้สึกเสียดายค่ะ เพราะหนูรู้สึกว่ามันคุ้มค่าแล้วในเวลา 1 ปีกับ 7 เดือน หนูได้ทำอะไรให้เขาตั้งเยอะแยะ หนูไม่ได้เข้าไปแล้วเอาเปรียบเขา ไปหาประโยชน์หรือชักจูงเขาไปในทางที่ทำให้เขาไม่ดี ไม่มีเลย หนูมีแต่ให้ ทำให้เขาจากเด็กที่ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยเก่ง แต่วันนี้เขาสามารถลุกขึ้นมาไลฟ์สดขายเสื้อผ้าได้ ขายทุเรียนทอดได้ หนูก็รู้สึกว่าให้อะไรเขาไปเยอะมาก ก็พอถอยออกมาคนละก้าวแล้วเราก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก เพราะถ้าอยู่ต่อไปเราก็จะลำบากใจ เพราะเราก็รู้ว่ามันมีจุดๆ นึงที่ไม่สามารถจูนกันได้ อย่างที่บอกว่าเวลามีปัญหาเขาก็จะเงียบหายไป ในความสัมพันธ์หนูรู้สึกว่ามันไม่ควรที่จะมีใครถูกทำให้ต้องรู้สึกเคว้งคว้าง เหมือนอยู่ดีๆ ก็หายไป 10 วัน มันเป็นไปได้เหรอ คนเป็นแฟนกันอยู่ๆ หายไป 10 วันไม่ทัก ไม่คุย ในมุมของหนูก็คือเขามีสิทธิที่จะทำได้ แต่ถ้าเขาทำให้เรารู้สึกอย่างนี้แล้วเราจะอยู่ในจุดนี้ไปทำไม มันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่

ถามว่ามีเสียน้ำตาไหม ก่อนหน้าที่จะมาถึงจุดนี้ได้ก็ยอมรับว่าเสียน้ำตาให้น้องหลายครั้ง คนก็คงเคยเห็นเวลาหนูไลฟ์ติ๊กต๊อกดรามาอะไรของหนู หนูก็ร้องไห้ระบายความรู้สึกออกไปตรงๆ ว่าหนูเสียใจ แต่ครั้งนี้ด้วยความที่น้ำตามันหมดแล้ว ไม่มีแล้ว แต่บอกเลยว่าเรื่องมือที่สามไม่มีค่ะ มันเป็นแค่เรื่องของความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิม ถ้าจะมีใครเข้ามาใหม่ก็อาจจะต้องดูคนที่ให้เวลากับเราได้ด้วย เพราะเราก็จะได้บทเรียนจากครั้งนี้แหละ ถ้าจะมีความสัมพันธ์ใหม่เราก็ต้องคุยให้ชัดเจน
ถามว่าถ้าเขาง้อ หนูว่าไม่ง้อหรอก เขายังมีอนาคตอีกไกลกว่าหนูเยอะ ให้เขาได้กลับไปใช้ชีวิตของเขาให้เต็มที่ดีกว่า และหนูก็ 30 กว่าแล้ว น้องเขาเพิ่ง 20 เอง ยังต้องได้เจอคนที่ดีสำหรับเขาอีกเยอะ ถามว่าจะไม่ใจอ่อนเลยไหม คือตอนนี้ความรู้สึกของหนูมันไม่เหมือนเดิม หนูเหลือแค่ความเอ็นดูเขา หนูก็ยังมองว่าเขาเป็นน้องหนูนะ หนูว่าเขารู้ทุกอย่าง เมื่อตอนที่หนูไลฟ์สดแต่งหน้าอยู่เขาก็ยังเข้ามาแซวช่างแต่งหน้าเลยว่าเขียนคิ้วไม่เท่ากัน แต่หนูรู้สึกว่าความสัมพันธ์มันล้อเล่นไม่ได้ เพราะความรู้สึกเรามันมีคุณค่า เหมือนเราพูดไปแล้ว ประกาศไปแล้ว และอยู่ดีๆ จะมาคืนดีกัน คนจะด่าหนูนะ เพราะว่าตอนนี้คนก็ด่าแล้ว บอกว่ารอบที่เท่าไหร่ รอบที่ 800 แล้ว (หัวเราะ) หนูก็โดนด่าอีก ครั้งนี้หนูก็อยากตรงไปตรงมา
ถ้าถามถึงเรื่องแต่งงาน จริงๆ ไม่ได้มีความรู้สึกว่าฉันจะต้องแต่ง แต่ถ้าเรามีใครสักคนนึงที่เรารู้สึกว่าคนนี้คือคู่เราจริงๆ ก็อยากแต่ง แต่มันยังไม่ใช่ไง ก็ไม่เป็นไร ก็ล้มเลิกความคิดไป แล้วก็กลับมาโฟกัสกับงาน เลี้ยงครอบครัวพอแล้ว แต่ถามว่าเปิดใจไหม ก็เปิดตลอดเวลาค่ะ ทุกวันนี้เปิดติ๊กต๊อกมาก็ปัดดูทุกวัน พยายามแจกของขวัญใหญ่เลย (หัวเราะ) ถ้ามีคนเข้ามาก็มาเลยค่ะ
